สถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ นอกจากจะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่แล้ว ยังส่งผลต่อสายสัมพันธ์และความไว้วางใจของคนในสังคมอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และภาคีเครือข่ายที่เป็นหน่วยงานซึ่งจัดการความรู้ต่างๆ อาทิ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (สช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จึงได้ร่วมกันประมวลความรู้จากการวิจัยในพื้นที่ชายแดนใต้ใน 3 มิติ ประกอบด้วย มิติสุขภาพ มิติพหุวัฒนธรรม และมิติการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์และพัฒนาประเด็นการศึกษาวิจัยที่สอดคล้องกับสถานการณ์ และเพื่อให้เกิดข้อเสนอการแก้ไขปัญหาในพื้นที่อย่างรอบด้าน ในการนี้ทางยังได้เชิญฝ่ายการเมือง อาทิ พรรคการเมืองต่างๆ มาอภิปรายถึงยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ด้วย โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมประชุมประมาณ 300 คน
การประชุมในครั้งนี้แบ่งเนื้อหาออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนแรก เป็นเรื่องการจัดการความรู้ในสถานการณ์ปัญหาชานแดนภาคใต้ จัดเสวนาในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2550 โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป ส่วนที่สอง เป็นเรื่องยุทธศาสตร์ในการสร้างสันติสุขใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเริ่มเสวนาตั้งแต่เวลา 8.45-16.15 น.
ด้วยเชื่อว่าการส่งเสริมให้เกิดการฟื้นฟูวิถีวัฒนธรรมท้องถิ่นและวิถีมลายูมุสลิม การระดมความมีส่วนร่วมของชุมชนในการสร้างสันติสุขภาวะทั้งในเรื่องของการดูแลสุขภาพ การรักษาพยาบาล การรวมกลุ่มช่วยเหลือกันเองในชุมชนการจัดสวัสดิการชุมชน การให้ความรู้กับบุตรหลาน การดูแลความสงบสุขในชุมชน ตลอดจนการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน จะช่วยแก้ปัญหาความรุนแรงได้ในที่สุด ทั้งนี้สอดคล้องกับงานศึกษาวิจัย ที่พบว่า การสูญเสียรากฐานทำกินของชาวบ้าน เช่น ทรัพยากรทะเล ที่น่าส่งผลให้การพึ่งตนเองของครัวเรือนและชุมชนมีน้อยลง การสูญเสียวิถีชีวิตมลายูมุสลิมที่ดีงาม ทำให้เยาวชนต้องเกี่ยวข้องกับอบายมุข และเยาวชนมุสลิมบางส่วนเข้าร่วมในการก่อเหตุการณ์ความไม่สงบ
ท้ายที่สุด ศ.นพ.ประเวศ วะสี กล่าวปาฐกถาเรื่องวิธีสร้างศานติสุขอย่างยั่งยืนในจังหวัดชายแดนใต้ไว้ว่า เรื่องการอยู่ร่วมกันอย่างสันติควรเป็นสิ่งที่มนุษยชาติต้องการ แต่เรายังติดอยู่ในมายาคติต่างๆ เช่น สีผิว เชื้อชาติ ศาสนา หรือเศรษฐกิจ จึงทำให้เกิดความขัดแย้ง
ระบบการอยู่ร่วมกันที่ดีที่สุดเปรียบเสมือนร่างกายของมนุษย์ ซึ่งมีวิวัฒนาการที่ผ่านมาอย่างยาวนานและถือได้ว่าเป็นระบบที่ดีที่สุด กล่าวคือ แต่ละอวัยวะต่างมีอัตลักษณ์เฉพาะตัว แต่สามารถอยู่ร่วมกันได้ เปรียบเสมือนกับสังคมที่แต่ละคนต่างก็มี Autonomy เป็นของตนเอง แต่ก็น่าจะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ
ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นแท้ที่จริงมิได้เกิดจากความแตกต่าง แต่เกิดจากการขาดยุทธศาสตร์ที่เป็นเอกภาพ (ความปรารถนาที่ตรงกันทั้งประเทศ) ข้อเสนอแนะก็คือ น่าจะสังเคราะห์นโยบายของพรรคการเมืองทุกพรรคเข้ามาเป็นนโยบายกลาง ซึ่งจะนำไปสู่ความเป็นอกภาพในการแก้ไขปัญหาต่อไป ถ้าเรามีประชาคมมุสลิมที่เคร่งศาสนา มีความก้าวหน้า และมีความเข้มแข็งของชุมชน เราก็จะมีชุมชนมุสลิมที่อบอุ่น ประกาศสันติไปทั่วโลก มี Big Dream มีความฝันใหญ่ เพราะจินตนาการสำคัญกว่าความรู้ |