จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาที่บอกว่าในฤดูร้อนปีนี้ ประเทศไทยจะมีอุณหภูมิสูงกว่าทุกๆปี อันเนื่องมาจาก "ภาวะโลกร้อน" แค่ได้ยินหลายคนคงจะเตรียมอุปกรณ์ป้องกันความร้อน เช่น ครีมกันแดด ร่ม ฯลฯ หรือแม้กระทั่งเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น พัดลม หรือเครื่องปรับอากาศ ให้พร้อมเพื่อรับมือกับอากาศร้อนกันเลยทีเดียว
แต่ทั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่เราทุกคนไม่ควรมองข้ามกันไปเมื่อใกล้ฤดูร้อน นั่นคือ โรคภัยไข้เจ็บที่มากับฤดูร้อน เช่น โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน อาหารเป็นพิษ โรคบิด หรือแม้กระทั่งโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งน่าเป็นห่วงสำหรับคนรักเจ้าตูบ...แฮะๆๆ (ในขณะที่ผมเขียนบทความนี้ เพื่อนร่วมงานผมก็กำลังป่วยด้วยโรคอาหารเป็นพิษอยู่เช่นกัน!!!)
โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน โรคอาหารเป็นพิษ และโรคบิด เป็นกลุ่มโรคที่ติดต่อทางอาหารและน้ำ ซึ่งอาการสำคัญของโรคเหล่านี้คือ ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายเป็นน้ำหรือมูกเลือดปน บางคนมักมีอาการไข้ร่วมด้วย บางรายหากรักษาอาการไม่ถูกต้องจนทำให้สูญเสียน้ำในร่างกายมาก อาจถึงขั้นช็อคจนเสียชีวิตได้
จากรายงานผู้ป่วยโรคดังกล่าว ของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่ปี พ.ศ.2546 -2550 พบว่า อัตราผู้ป่วยด้วยโรคอุจาระร่วงเฉียบพลัน (Acute diarrhea) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และหากพิจารณาในแต่ละปี พบว่ามีจำนวนผู้ป่วยมากในช่วงฤดูร้อน (เดือนมีนาคม - มิถุนายน) เมื่อเทียบกับเดือนอื่นๆ เฉลี่ยปีละประมาณ 100,000 คน (รูปที่ 1)
ที่มา : สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. 2550
โรคอาหารเป็นพิษ (Food poisoning) พบว่า อัตราผู้ป่วยด้วยโรคอาหารเป็นพิษมีแนวโน้มลดลง แต่เมื่อพิจารณาในแต่ละปีแล้ว พบว่ามีจำนวนผู้ป่วยมากในช่วงฤดูร้อน (เดือนมีนาคม - มิถุนายน) เช่นกัน เมื่อเทียบกับเดือนอื่นๆ เฉลี่ยปีละประมาณ 13,000 คน (รูปที่ 2)
ที่มา : สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. 2550
โรคบิด (Dysentery) พบว่า อัตราผู้ป่วยด้วยโรคอาหารเป็นพิษมีแนวโน้มลดลง แต่เมื่อพิจารณาในแต่ละปีแล้ว พบว่ามีจำนวนผู้ป่วยมากในช่วงฤดูร้อน (เดือนมีนาคม - มิถุนายน) เช่นกัน เมื่อเทียบกับเดือนอื่นๆ เฉลี่ยปีละประมาณ 2,000 คน (รูปที่ 3)
ที่มา : สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. 2550
สาเหตุของโรคเหล่านี้เกิดจากอะไร???
เราพบว่าสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคเหล่านี้ มาจากการรับประทานน้ำหรืออาหารที่ไม่สะอาด อาหารที่มีแมลงวันตอม บูด/เน่าเสียอันเกิดจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว ทำให้มีเชื้อโรคปะปนมากับอาหารที่เรารับประทาน
เราจะทำอย่างไรให้ห่างไกลจากโรคนี้
เราควรต้องเลือกรับประทานอาหารที่สะอาด ปรุงสุกใหม่ ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีแมลงวันตอม หรือหากรับประทานไม่หมด ก็ควรต้องถนอมอาหารด้วยการเก็บไว้ในตู้เย็น เพราะอาการร้อนจะเอื้อต่อจุลินทรีย์ที่ทำให้อาหารเน่าเสียได้ง่าย ขณะเดียวกันภาชนะที่ใส่อาหารไม่ว่าจะเป็นถ้วย ชาม ช้อนส้อม ก็ต้องสะอาดอีกทั้งควรจำกัดขยะและเศษอาหารให้ถูกสุขลักษณะ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคที่มาจากสัตว์พาหนะ เช่น หนู และแมลงสาบ และที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ การล้างมือให้สะอาดก่อนปรุงอาหารและรับประทานอาหารทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย
การักษาอาการเบื้องต้นนั้นทำอย่างไร???
ในระยะแรกควรให้ผู้ป่วยดื่มน้ำหรืออาหารเหลวให้มากๆ เช่น น้ำข้าวต้ม น้ำต้มแกงจืด ฯ และดื่มน้ำตาลเกลือแร่ (โอ อาร์ เอส) โดยใช้ผงน้ำตาลเกลือแร่ 1 ซองผสมกับน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว 1 แก้ว หรือหากไม่สามารถหาได้ ให้ใช้น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะกับเกลือป่นครึ่งช้อนชา ละลายกับน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว 1 ขวดน้ำปลากลมแทน โดยต้องดื่มให้หมดภายใน 1 วัน แต่ถ้าหากอาการไม่ดีขึ้นก็ให้รีบไปพบแพทย์
โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน ซึ่งสามารถพบได้ตลอดทั้งปี หากแต่จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อน โดยสัตว์ที่เป็นโรคสามารถสังเกตได้จากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากเดิม เช่น ตื่นเต้น ตกใจง่าย กระวนกระวาย กินอาหารได้น้อยลง ไวต่อแสงและเสียง กัดทุกสิ่งทุกอย่าง ต่อมาก็จะเป็นอัมพาต ลิ้นแข็ง ขากรรไกรแข็ง หางตก ชักและตายในในเวลาประมาณ 10 วันนับจากวันที่มีอาการ ซี่งโรคนี้ติดต่อไปยังคนโดยการถูกสัตว์ที่มีเชื้อพิษสุนัขบ้ากัด ข่วน หรือเลียบริเวณที่มีแผลรอยข่วน หรือน้ำลายของสัตว์ที่มีเชื้อเข้าสู้ร่างการทางตา ปาก จมูก เป็นต้น
จากรายงานผู้ป่วยโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) ของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขตั้งแต่ปี พ.ศ.2546 -2550 พบว่า อัตราผู้ป่วยด้วยโรคพิษสุนัขบ้ามีแนวโน้มลดลง แต่เมื่อพิจารณาในแต่ละปีแล้ว พบว่ามีจำนวนผู้ป่วยมากในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - พฤษภาคม ของทุกปี (รูปที่ 4)
ที่มา : สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. 2550
เราจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เป็นโรคพิษสุนัขบ้า
เราสามารถป้องกันโรคนี้ได้โดยการนำสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ปีละ 1 ครั้ง และควรระมัดระวังไม่ให้ถูกสัตว์เลี้ยงหรือสุนัขจรจัดที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน กัด ข่วนหรือเลียบริเวณที่มีแผลรอยข่วน
การักษาอาการเบื้องต้นนั้นทำอย่างไร???
เมื่อถูกสุนัขหรือสัตว์กัด ให้รีบล้างแผลด้วยสบู่และน้ำสะอาดหลายๆครั้ง และเช็ดแผลด้วยแอลกอฮอล์ ใส่ยารักษาแผลสดและรีบไปพบแพทย์
จากที่กล่าวมาทั้งหมด หากเรารู้จักป้องกันและดูแลใส่ใจตนเอง นั่นก็เท่ากับเป็นเกราะป้องกันโรคที่มากับฤดูร้อนได้ในระดับหนึ่งแล้ว
***แล้วคุณล่ะ...รู้เท่าทันความร้อนของ "โรค" แล้วหรือยัง!!! |