หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ [ วันอังคาร ที่ 23 เดือนพฤจิกายน 2553 ]
แก้ทำแท้งด้วยการศึกษา


คนไทยส่วนใหญ่คงจะตกตะลึงและสะเทือนใจ เมื่อทราบข่าวการค้นพบซากศพทารกถึง 2,002 ศพ ถูกเก็บซุกซ่อนไว้ ในโกดังเก็บศพ ของวัดไผ่เงินโชตนาราม ในกรุงเทพมหานคร เป็นซากศพของทารกที่เสียชีวิตจากการทำแท้งที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเสี่ยงต่ออันตรายชีวิตของหญิงที่เป็นแม่ และเสี่ยงต่อการถูกจับกุมดำเนินคดี ถึงติดคุกติดตะราง ของหญิงที่เป็นแม่ และผู้รับจ้างทำแท้งเถื่อน และเป็นภาพสะท้อนสังคม

อันที่จริง สังคมไทยรู้อยู่แล้วว่า ในปัจจุบันมีแนวโน้มทำแท้งเพิ่มมากขึ้น โดย เฉพาะในกลุ่มหญิงวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี มีอัตราการตั้งครรภ์สูงกว่าหญิงวัยรุ่นในประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆในภูมิภาค เนื่องจากมองว่า การมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องธรรมดา แต่มีเพียงส่วนน้อยที่ใช้ถุงยางอนามัย เมื่อเร็วๆนี้ จึงมี การเสนอร่างกฎหมายในสภา เพื่ออนุญาตให้ นักเรียนหญิงท้องลาพัก และเรียนต่อหลังคลอดได้


ผู้อำนวยการกองอนามัยเจริญพันธุ์ กรมอนามัย เปิดเผยว่า หญิงที่ทำแท้ง ไม่ใช่ ปัญหาวัยรุ่นใจแตก หรือชิงสุกก่อนห่ามเพียงอย่างเดียว แม้แต่หญิงวัยทำงานก็ทำแท้งไม่ ใช่น้อย เพราะอาจจะยังไม่พร้อมที่จะเลี้ยงดูลูก ข้อมูลระบุว่า ในบรรดาหญิงทำแท้งทั้งหมด เป็นผู้ที่อายุต่ำกว่า 25 ปี ร้อยละ 60 อายุสูงกว่า 25 ปี ร้อยละ 40 คาดว่าในปีหนึ่งๆ มีผู้หญิง ไทยทำแท้งเถื่อนราว 1.5 ถึง 2 แสนคน

การลักลอบทำแท้งผิดกฎหมาย เป็นเรื่องที่คนทั่วไปก็พอจะรู้ สถานพยาบาลบางแห่งโฆษณาเชิญชวนแบบแอบแฝงเป็นนัยๆ แต่เป็นปัญหาที่สังคมไทยไม่อยากรับรู้หรือไม่ยอมรับ อยากหลับหูหลับตาทำไม่รู้ไม่ชี้เสียดีกว่า เช่นเดียวกับสถานการค้าประเวณีที่มีอยู่เกลื่อน หรือบ่อนการพนันและแหล่งอบายมุขต่างๆ รวมทั้งหวยใต้ดินก็มีอยู่ทั่วบ้านทั่วเมือง สังคมเห็นเป็นเรื่องธรรมดา

การทำแท้งเป็นเรื่องที่ผิดทั้งศีลธรรม และผิดทั้งกฎหมาย แต่กฎหมายก็มีข้อยกเว้นให้หญิงทำแท้งได้ในกรณีที่จำเป็น เช่น หญิงตั้งครรภ์เนื่องจากถูกข่มขืนกระทำชำเรา หรือจำเป็นต้องทำแท้งเนื่องจากหญิงผู้ตั้งครรภ์ มีปัญหาด้านสุขภาพ เพื่อให้การทำแท้งถูกต้องตามกฎหมาย แพทยสภาได้ออกข้อบังคับไว้ว่าหญิงจะต้องยินยอม ต้องให้แพทย์เท่านั้นเป็น ผู้ทำแท้ง ต้องทำในสถานพยาบาลและรายงานแพทยสภา

หวังว่าข่าวโด่งดังเกี่ยวกับการค้นพบซากศพทารกครั้งใหญ่นี้ จะปลุกสังคมไทยให้ตื่นขึ้นมายอมรับว่าการทำแท้งเป็นปัญหาสำคัญของสังคม ยอมรับความเป็นจริง และร่วมกันป้องกันและแก้ไข ไม่ใช่ปกปิดซ่อนเร้นอย่างที่ผ่านๆมา ผู้เชี่ยวชาญเสนอแนะว่ามาตรการที่ดีที่สุด คือการให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาที่ถูกต้องตั้งแต่อยู่ในวัยเรียน มีข้อมูลระบุว่ามีหญิงถึงร้อยละ 80 ที่ตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจ เพศศึกษาน่าจะช่วยได้

คนทั่วไปไม่มีใครอยากทำแท้ง ที่ชาวบ้านถือว่าเป็นบาปเพราะฆ่าลูกของตนเอง แต่เพราะมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จึงจำเป็นต้องทำแท้ง แม้จะเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย แต่การทำแท้งไม่ใช่ปัญหา ด้านกฎหมายอย่างเดียว แต่เป็นปัญหาทางสังคมด้วย การใช้กฎหมายปราบปรามเพียงอย่างเดียว จึงไม่ได้ผล เพราะคนจะลักลอบทำแท้งใต้ดินมากขึ้น จึงต้องใช้ทั้งกฎหมายและการศึกษา.




 










 


หน้าแรก | เกี่ยวกับแผนงาน | เครือข่ายและกิจกรรม | ผลผลิตและรายงาน | ข้อมูลสถิติ | การจัดการความรู้ | หน่วยงาน | ติดต่อแผนงาน | เจ้าหน้าที่ดูแลระบบ
แนะนำแผนงาน | ข่าวกิจกรรม | เกาะติดกิจกรรมเด่น | หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง | ผลผลิตและรายงาน| รายงานสุขภาพ| ก้าวใหม่กับ HISO | สถานการณ์สุขภาพประเทศไทย
การวิเคราะห์สถานการณ์สุขภาพ | สถานการณ์ข่าวสุขภาพ | เรื่องเล่าข่าวสุขภาพ | สื่อข้อมูลสุขภาพ | แบบสำรวจสุขภาพ | webbord | คำถามที่พบบ่อย | สมุดเยี่ยมชม | บริการข้อมูล