เรื่องเล่าข่าวสุขภาพ | สมรรถภาพร่างกาย | สุขภาวะทางจิต | สุขภาพกับความงาม | สื่อกับสุขภาพ | สมุนไพรเพื่อสุขภาพ | ธรรมะกับสุขภาพ






ความรักให้เป็น (ธรรมะ)





 



ความรักคืออะไร ? รู้ไหม! ถ้าไม่รู้ก็พ้นจากความรักไม่ได้ จะต้องได้รับทุกข์เพราะความรัก จะต้องเวียนว่ายตายเกิดในภพทั้งหลาย เกิดแล้วในภพใด ความรักก็กินใจในภพนั้น ใจที่มีความรักจะถูกทรมาน เจ็บปวดระทมบ่นเพ้อ เพราะพิษรักนั้นเสียบแทงใจ เหมือนลูกศรร้อยใจไว้ไม่ให้ดุกดิกดิ้นรน คนมีกำลังใจน้อยหรืออ่อนใจ ซบเซากับความรัก มอบตัวมอบใจให้เป็นทาสของความรักแล้ว บูชารัก บูชาคนรักให้เป็นเทพเจ้า ตามแต่คนรักหรือเทพเจ้าจะชักจูง ดึงลากให้กระทำสิ่งใด ๆ ที่คนไม่มีความรักทำไม่ได้ แต่สำหรับผู้เป็นทาสของความรักทำได้ แม้ด้วยชีวิตบูชาเทพเจ้า คือ ผู้ที่ตนรักได้ด้วยความภักดี จะหาทาสที่ภักดีจงรักสัตย์ซื่อ เสมอทาสแห่งความรักไม่มี ยินดีพร้อมที่จะตาย ตายด้วยความเต็มใจ ตายให้สมกับความรัก ๆ มีค่าเทิดทูนเหนือสิ่งอื่นใด ไม่อย่างนั้นแล้วจะสละชีวิตเพื่อบูชารักไม่ได้

เมื่อเรามีความรักใคร่ปรารถนาสิ่งใด ใจก็จะเรียกร้องต้องการหาให้ได้มาซึ่งสิ่งนั้น ทั้งชอบธรรมและไม่ชอบธรรม เมื่อใจปรารถนาจะรักให้ได้แล้ว ไม่คำนึงถึงเหตุผลของผู้อื่น นอกจากผู้ที่ตนรัก จะอยู่ในสภาพเช่นไร ไม่เป็นอุปสรรคที่จะมีรัก รักแท้ รักจริง จึงเสียสละทิ้งอย่างมากมาย ต้องสละทิ้งทั้งโลก เพราะโลกทั้งโลกเต็มไปด้วยของน่ารักความรัก โลกทั้งโลกอันมีผู้ปรารถนาต้องการแล้ว มีความรักอยู่ทั่วไป โลกนี้จึงตระการตา ดุจราชรถของพระราชา ซึ่งประดับตกแต่งด้วยของมีค่า ด้วยเงินทองรัตนต่าง ๆ พร้อมด้วยรูปลวดลายจำหลักอันวิจิตรพิศดารต่าง ๆ ล้วนน่าดูน่าชม เป็นที่ชอบใจพอใจของผู้มีความรักความปรารถนา หาได้พิจารณาถึงสิ่งอันประกอบเข้าเป็นตัวราชรถ อันต้องเก่าผุพัง ถูกความชราครอบงำ ต้องหลุดลุ่ย เพราะพยาธิ มด ปลวกอันชอนไชกัดทำลายอยู่ภายในเครื่องสำหรับยึดของมีค่าประดาตกแต่งก็ไม่สามารถยึดไว้ได้ ต้องตกล่วงกระจัดกระจายทิ้งไปเหมือนไม่อาวรอาลัยใยดี ปล่อยให้ผู้มาเห็น ณ ภายหลังรันทดใจ เศร้าใจ สังเวชสลดจิต คิดตามรู้ตามสภาพเป็นจริงของสิ่งทั้งมวลว่า พวกผู้โง่เขลาหมกอยู่ ติดอยู่ หลงอยู่ แต่พวกผู้รู้ความจริงหาเกี่ยวข้องด้วยไม่ เพราะการแสวงหาสิ่งประดับตกแต่งทั้งมวล เป็นการเนิ่นช้าเสียเวลาเปล่า ไม่เป็นไปตามปรารถนาของผู้ต้องการประดับ ไม่จีรังในสิ่งทั้งมวล หาแก่นสาระสำคัญไม่ได้ ผู้มีปัญญาทราบชัดแล้วจึงละไม่แสวงหาเครื่องประดับตกแต่งอีก เพราะเห็นโทษในการเสียเวลา หาเครื่องประดับและในการตกแต่งได้แต่คิดคำนึงถึงความเสื่อม ความสิ้นของโลก อนิจจํ เห็นโลก เห็นสังขารเหมือนราชรถของพระราชา ที่มีความคร่ำคราทรุดโทรม ไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเจริญใจของผู้พบเห็น ผู้มีปัญญาไม่ยอมเสียเวลากับสิ่งที่ต้องสูญสลายไปเปล่า ๆ พยายามมองค่าของทุกสิ่งด้วยความรู้ ความเป็นจริง ถือเอาประโยชน์ชั่วคราวในสิ่งนั้น ๆ ไม่พอใจที่จะยึดถือเป็นจริงเป็นจัง เพราะทราบชัดตามเป็นจริงของสิ่งต่าง ๆ นั้นแล้วว่าความรักคืออะไร? ความรักคือความเมตตา! จะตัดความรักก็ต้องตัดเมตตา! พระศาสดาทรงสอนให้แผ่เมตตาไปยังทิศทั้งปวง เมื่อเราไปอยู่ ณ สถานที่ทิศใด อยู่ในหมู่ใด คณะใด ในหมู่สัตว์ สมณะพราหมณ์ กษัตริย์ แพศย์ ศูทร ก็พึงประกอบอยู่ด้วยเมตตา ความรักในหมู่คณะเหล่านั้น ในสถานที่นั้น ผู้มีเมตตาความรักย่อมสบายอยู่เป็นสุข ไม่ถูกหมู่คณะหรือสถานที่เหล่านั้นเบียดเบียน แต่พระศาสดาทรงห้ามภิกษุแผ่ความรัก ความเมตตาในมาตุคาม คือหญิงชาวบ้าน เพราะจะทำให้ภิกษุได้รับความทุกข์ใจ ร้อนใจจนทนบวชไม่ได้ ต้องสึกไปหาหญิงคนนั้น และจะได้รับทุกข์โทษต่าง ๆ ต้องตรากตรำทำการงานสารพัด ไม่ได้พักผ่อนหลับนอนอย่างสบาย ต้องทำหน้าที่ของสามีอย่างครบถ้วน จะถูกรบกวนจิตใจอยู่เสมอ สงบไม่ได้เป็นนักต่อสู้อยู่ตลอดเวลา จนกว่าจะเบื่อหน่ายหรือคลายความรักลง จึงค่อยปลดค่อยวาง ค่อยบรรเทาความทุกข์ร้อนในเรื่องรักได้บ้าง แล้วชักชวน ลากจูง เคี่ยวเข็ญกระทำความดี ให้ใจนั้นมีเมตตารักใคร่ในทาน ในศีล ในภาวนา แล้วพิจารณากรรม คือ การกระทำของโลก ของหมู่สัตว์ หมู่คนในโลก ที่ลุ่มลงมัวเมาในรสรัก รสเมตตา ล้วนไม่ตลอด ตกอยู่ จมอยู่กับความคร่ำคร่า จำเจ ถูกชราครอบงำ แก่เฒ่าเจ็บป่วยแล้วก็ตายจากกัน เหมือนไม่มีความอาลัยใยดี เจ้าเมตตาความรักมันหดหายตายจากพรากทิ้งอย่างไม่เหลือเยื่อใย แม้แต่ซากของความรักก็ต้องถูกฝังถูกเผา ไม่ให้เหลือแม้แต่ซาก นี่แหละ! ท่านผู้มีปัญญาทั้งหลาย พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงพระเมตตาในหมู่เทวดา มนุษย์ทั้งหลายแล้ว ก็ทรงสอนการแผ่เมตตา ความรักใคร่ให้เห็นแก่ตนเองก่อน ให้มีความรักใคร่ในตนแล้วจะได้ขวนขวายประโยชน์ตน ให้ตนของตนพ้นจากทุกข์จากภัย จากอันตรายต่าง ๆ ทั้งในปัจจุบันชาตินี้ อนาคตภายหน้าชาติหน้าอย่าได้เป็นผู้ไร้สติขาดปัญญา พิจารณาความเป็นจริงของโลก ของสัตว์โลกที่เกิดมาพบวามแก่ความเจ็บความตาย แล้วดิ้นรนเดือดร้อนเป็นความทุกข์ในความแก่ ความเจ็บ ความตายนั้น มุ่งหาทางพ้นความแก่ ความเจ็บ ความตายโดยเร็วพลัน! อย่าให้ความแก่ความเจ็บ ความตาย มาถึงครอบงำเอาเสียแล้ว เดี๋ยวจะหมดกำลังกายกำลังใจ แสวงหาธรรมเครื่องพ้นทุกข์ไม่ได้ แล้วจะต้องเศร้าโศกตลอดกาลนาน วัฏฏะสงสารเป็นของน่ากลัวอย่างยิ่ง

ส่วนมากแล้วผู้ที่จะรักตนปฏิบัติตนให้มีความสามารถข้ามพ้นบ่วงแห่งมัจจุราช คือความรักได้ยากนัก จึงได้วนเวียนอยู่ในภพ เปลี่ยนที่อยู่อาศัย เปลี่ยนร่างกาย เปลี่ยนความรู้สึกนึกคิด แต่จะเปลี่ยนจิตใจ ห้ามใจไม่ให้รักไม่ได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงทุกข์โศกร่ำไรรำพรรณ เพ้อถึงความรักที่ไม่สมประสงค์ว่า น้ำตาที่ร้องไห้มากมายกว่า 4 มหาสมุทร เนื้อและกระดูกมากกว่าภูเขาสูง ที่สัตว์โลกเวียนไปมาในวัฏฏะสงสารอันยาวนาน เพราะมีความรักเป็นปัจจัย หาปัจจัยเหตุดับความรักไม่ได้ เพราะไม่รู้หลงความรักคืออะไรไม่ทราบ จึงละความรัก ดับความรัก คลายรักอย่างจริงจังไม่ได้ เมื่อรู้ซึ้งเหตุต้นอันพระองค์แสดงชัดแล้ว ผู้มีความปรารถนาพ้นบ่วงมัจจุมาร คือ ความรักแล้ว กลัวภัยแต่ทุกข์ของความรัก แล้วก็มาละเหตุคือเมตตา มีความรักใคร่ในคนรัก ในสรรพวัตถุต่าง ๆ ทั้งที่มีวิญญาณครองและไม่มีวิญญาณครอง ละความยินดีพอใจในสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดเสีย แม้ชีวิตก็สละหมด เป็นผู้ไม่มีกังวลในสิ่งใด ๆ ใจก็สงบตั้งมั่น เมื่อจิตสงบตั้งมั่นแล้วก็พิจารณาถึงสิ่งทั้งหลายที่เราละได้ เป็นเด็ดขาด ถึงจะมีผู้ประสงค์ให้ก็ไม่ยินดีรับ ประสงค์ความบริสุทธิ์ถือเอาตามจำเป็นไม่ผิดศีลผิดธรรม รับมาด้วยความยุติธรรม มีปกติอยู่ด้วยจาคานุสสติจำสละจำทิ้ง ละความปรารถนาใด ๆ ในโลก ก็เท่ากับเป็นการละโลก ทิ้งไว้โดยเป็นของโลก ก็เท่ากับเป็นการละโลก ละการถือมั่นในโลก ปล่อยวางทุกอย่าง ก็เป็นการละโลภะ ความโลภในสิ่งเหล่านั้น เมื่อไม่มีสิ่งเหล่านั้น ความโกรธจะเกิดจากสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ คามหลงใหลสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นก็ดับลง จิตไม่ตั้งอยู่ในโลก ภพทั้งหลายเป็นที่อยู่ของจิตก็ไม่มี เพราะจิตไม่ตั้งอยู่ในสิ่งใด ใจท่านว่าวิมุติหลุดพ้นจากสิ่งทั้งหลายเหล่านี้นี่เอง











ขอขอบคุณที่มา : หนังสือประวัติพระอาจารย์นพพร อาทิจฺจวํโส
                          สำนักปฏิบัติธรรมอาทิจฺจวํโส อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
      คัดลอกจาก : http://www.dhammathai.org/articles/view.php?No=378
                          ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต





 













 
๏ปฟ












เธซเธ™เน‰เธฒเนเธฃเธ | เน€เธเธตเนˆเธขเธงเธเธฑเธšเนเธœเธ™เธ‡เธฒเธ™ | เน€เธ„เธฃเธทเธญเธ‚เนˆเธฒเธขเนเธฅเธฐเธเธดเธˆเธเธฃเธฃเธก | เธœเธฅเธœเธฅเธดเธ•เนเธฅเธฐเธฃเธฒเธขเธ‡เธฒเธ™ | เธ‚เน‰เธญเธกเธนเธฅเธชเธ–เธดเธ•เธด | เธเธฒเธฃเธˆเธฑเธ”เธเธฒเธฃเธ„เธงเธฒเธกเธฃเธนเน‰ | เธซเธ™เนˆเธงเธขเธ‡เธฒเธ™ | เธ•เธดเธ”เธ•เนˆเธญเนเธœเธ™เธ‡เธฒเธ™ | เน€เธˆเน‰เธฒเธซเธ™เน‰เธฒเธ—เธตเนˆเธ”เธนเนเธฅเธฃเธฐเธšเธš
เนเธ™เธฐเธ™เธณเนเธœเธ™เธ‡เธฒเธ™ | เธ‚เนˆเธฒเธงเธเธดเธˆเธเธฃเธฃเธก | เน€เธเธฒเธฐเธ•เธดเธ”เธเธดเธˆเธเธฃเธฃเธกเน€เธ”เนˆเธ™ | เธซเธ™เนˆเธงเธขเธ‡เธฒเธ™เธ—เธตเนˆเน€เธเธตเนˆเธขเธงเธ‚เน‰เธญเธ‡ | เธœเธฅเธœเธฅเธดเธ•เนเธฅเธฐเธฃเธฒเธขเธ‡เธฒเธ™| เธฃเธฒเธขเธ‡เธฒเธ™เธชเธธเธ‚เธ เธฒเธž| เธเน‰เธฒเธงเนƒเธซเธกเนˆเธเธฑเธš HISO | เธชเธ–เธฒเธ™เธเธฒเธฃเธ“เนŒเธชเธธเธ‚เธ เธฒเธžเธ›เธฃเธฐเน€เธ—เธจเน„เธ—เธข
เธเธฒเธฃเธงเธดเน€เธ„เธฃเธฒเธฐเธซเนŒเธชเธ–เธฒเธ™เธเธฒเธฃเธ“เนŒเธชเธธเธ‚เธ เธฒเธž | เธชเธ–เธฒเธ™เธเธฒเธฃเธ“เนŒเธ‚เนˆเธฒเธงเธชเธธเธ‚เธ เธฒเธž | เน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡เน€เธฅเนˆเธฒเธ‚เนˆเธฒเธงเธชเธธเธ‚เธ เธฒเธž | เธชเธทเนˆเธญเธ‚เน‰เธญเธกเธนเธฅเธชเธธเธ‚เธ เธฒเธž | เนเธšเธšเธชเธณเธฃเธงเธˆเธชเธธเธ‚เธ เธฒเธž | webbord | เธ„เธณเธ–เธฒเธกเธ—เธตเนˆเธžเธšเธšเนˆเธญเธข | เธชเธกเธธเธ”เน€เธขเธตเนˆเธขเธกเธŠเธก | เธšเธฃเธดเธเธฒเธฃเธ‚เน‰เธญเธกเธนเธฅ