เรื่องเล่าข่าวสุขภาพ | สมรรถภาพร่างกาย | สุขภาวะทางจิต | สุขภาพกับความงาม | สื่อกับสุขภาพ | สมุนไพรเพื่อสุขภาพ | ธรรมะกับสุขภาพ






รอดคลื่นไม่รอด " โรค " เชื้อประหลาด ภัยเงียบ...จาก " สึนามิ "







ความหวาดกลัวมหันตภัย “คลื่นยักษ์สึนามิ” หวนกลับมาหลอนคนไทยอีกครั้ง หลังเกิด “แผ่นดินไหวรุนแรง”
ในอินโดนีเซียอีกหลายระลอกตั้งแต่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา...

ทั้งนี้ พลิกดูข้อมูลของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับความสูญเสียด้านชีวิตจากเหตุสึนามิที่เกิดขึ้น เมื่อปลายปี 2547 ตัวเลขที่สรุป ณ วันที่ 5 ก.ย. 2548 ใน 6 จังหวัดคือ พังงา กระบี่ ภูเก็ต ระนอง ตรัง สตูล มีผู้เสียชีวิตทั้งชีวิต 5,395 ศพ เป็นชาวไทย 2,059 ศพ ชาวต่างชาติ 2,436 ศพ ไม่สามารถระบุเชื้อชาติได้ 900 ศพ มีบาดเจ็บ 8,457 คน เป็นชาวไทย 6,095 คน ชาวต่างชาติ 2,392 คน และยังมีผู้สูญหายอีก 2,817 คน เป็นชาวไทย 1,921 คน ชาวต่างชาติ 896 คน


“สึนามิ” เมื่อเกิดขึ้น “สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง”
แม้ไม่เกิดซ้ำอีก... ความเสียหายจากครั้งเก่าก็ยังมีควันหลง?!?


“คนรอดชีวิตมาได้ บางรายมีอาการตื่นตระหนก เศร้า เหม่อลอย บางรายที่รอดชีวิตจะรู้สึกผิด ตำหนิตัวเองว่าทำไมถึงทำให้ครอบครัวต้องตาย ทำไมทำให้คนอื่นเดือนร้อน บางรายคุมสติไม่อยู่ก็จะร้องโวยวาย ไม่กิน ไม่นอน บางรายมีอาการรุนแรงจนถึงขั้นคิดสั้น ร่ำๆ ว่าจะฆ่าตัวตายหนีฝันร้าย”

...นี่เป็นคำบอกเล่าของทีมแพทย์ที่เข้าไปดูแลเหยื่อผู้รอดชีวิตจากเหตุสึนามิถล่มไทย แต่ก็ต้องเผชิญกับ “ปัญหาสุขภาพจิต” ที่บางคนอาการรุนแรงถึงขั้นเป็น ”โรคแพนิค” ตระหนกสุดขั่ว-กลัวสุดขีด

หรือแม้แต่คนที่ไม่มีอาการทางจิตมากๆ อย่างน้อยในเบื้องต้นก็ต้องเป็น “โรคเครียด” เครียดกับการสูญเสียคนในครอบครัว คนใกล้ชิด เครียดกับสภาพสิ้นเนื้อประดาตัว บ้านแตกสาแหรกขาด ทรัพย์สิน บ้านที่อยู่อาศัย สถานที่ทำมาหากิน หายวับไปกับเกลียวคลื่นมหึมาอันเกิดจากแผ่นดินไหว ที่ส่งผลข้ามชาติ-ข้ามทะเล

กับปัญหาทางจิตนี้ หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องก็ต้องส่งทีมจิตแพทย์ลงพื้นที่ไปช่วยเหลือดังที่ทราบๆ กัน และขณะเดียวกันปัญหาสุขภาพกายก็ใช่ว่าจบไปแล้ว หลายคนที่รอดตายจากกระแสน้ำ-คลื่นยักษ์ต่อมาก็ป่วย แม้เหตุสึนามิจะผ่านไปนานระยะหนึ่งแล้ว แต่หลังๆ มาในพื้นที่ประสบภัยก็มีกระแสแว่วๆ ถึงการเจ็บป่วยทางการออกมาอยู่เรื่อยๆ ซึ่งกับเรื่องนี้นพ.วีระพล นิธิพงศ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ก็บอกกับทีมสกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์ว่า ผู้ที่ประสบภัยสึนามิจนเป็นผู้ป่วยนั้นจะมีสองเรื่องคือ 1. เจ็บป่วยด้านสุขภาพจิต ซึ่งก็เป็นเรื่องสำคัญต้องใช้เวลาเยียวยา และผู้ใกล้ชิดเกี่ยวข้องคือ
ครอบครัวต้องช่วยดูแลกันและกัน

“หมอเองก็ติดตามผลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ครั้งสุดท้ายก็ดูแลร้อยกว่าคน เนื่องจากบางคนยังอยู่ในภาวะความเครียดยังจำเป็นต้องมีการเยียวยา”... คุณหมอวีระพลกล่าว และว่า 2. เจ็บป่วยทางกาย

ทั้งนี้กับกรณีที่มีกระแสว่าเหยื่อสึนามิป่วยเป็นโรคปอดกันมาก คุณหมอคนเดิมบอกว่า โดยปกติการสำลักน้ำทะเลทั่วไป ส่วนใหญ่ก็จะมีเกลือเข้าไปเยอะ ทำให้เกลือแร่ในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงแต่มักจะเกิดเพียงช่วงหนึ่งเท่านั้น ไม่มีปัญหาอะไร ไม่มีผลในระยะยาว การแก้ไขคือ เมื่อมีเกลือแร่บางตัวผิดปกติ แพทย์ก็จะมีการเติมเกลือแร่ตัวนั้นลงไป แล้วก็ลดบางตัวลง จะไม่มีผลต่อปอดและการเป็นมะเร็งแต่อย่างใด ส่วนที่จะมีผลรุนแรงนั้นจะเป็นเพราะน้ำสกปรกมีเชื้อแบคทีเรียที่มีผลทำให้เกิดบาดทะยัก ทำให้เกิดแผลอักเสบลุกลามตามเนื้อตัว แม้จะมีแผลเพียงเล็กน้อยก็ตาม นายแพทย์วีระพลกล่าว

ทางด้านนายแพทย์ทวีศักดิ์ เนตรวงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ระบุว่า คนที่สำลักน้ำทะเลที่มีทราย ดิน โคลน โดยเฉพาะจากเหตุการณ์สึนามิ จนมีโอกาสเป็นโรคปอด ปอดบวม ปอดอักเสบนั้น เพราะเกิดจากเชื้อที่แปลกๆ ที่มากับสึนามิ น้ำทะเลมีเชื้อปนเปื้อนซึ่งหายากในสิ่งแวดล้อมทั่วไป และจะมีเศษดินทรายเข้าไปอยู่ในปอด กลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อได้อย่างดี ซึ่งทำให้การดูแลรักษาทำได้ลำบาก

“จะมีเชื้อปนเปื้อนที่ไม่ค่อยเกิดในภาวะปกติ มีเชื้อโรคแปลกๆ ที่ไม่สามารถบอกได้ เพราะแต่ละแห่งก็มีเชื้อไม่เหมือนกัน ที่สำคัญคือ ทำให้การวินิจฉัยของแพทย์ไม่ง่าย ค่อนข้างหาเชื้อลำบาก คนที่ประสบเหตุการณ์สึนามิที่สำลักเอาดินโคลนและทรายที่มีเชื้อปนเปื้อนเข้าไปในร่างกาย มีเศษหิน ดิน ทราย เข้าไปในระบบทางเดินหายใจ กลุ่มนี้จะรักษาได้ยากกว่าคนไข้กลุ่มอื่นๆ “

คุณหมอทวีศักดิ์บอกอีกว่า... นอกจากนี้ คนที่ประสบเหตุสึนามิโดยตรงจะมีบาดแผลตามตัวแทบทุกคน ทั้งแผลถลอก แผลถูกบาดจากเศษวัตถุของแข็ง ซึ่งแผลจะมีความสกปรกอยู่เยอะ จนเชื้อโรคเข้าไปฝังลึกตามบาดแผล ทำการรักษาได้ยาก ทำความสะอาดแผลก็ลำบาก แผลอาจจะเน่ารุนแรง

“เชื้อที่มากับน้ำทะเลที่มีทรายและดินโคลนเป็นกลุ่มเชื้อแบคทีเรียทำให้มีการติดเชื้อ ไม่เกี่ยวข้องกับการเป็นมะเร็งหรือมะเร็งปอด แต่ก็อาจทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งต้องดูว่าปริมาณเชื้อปนเปื้อนที่เข้าไปมีมากน้อยแค่ไหน ภูมิต้านทานของผู้ป่วยเมื่อเชื้อโรคเข้าไปพอจะจัดการกับเชื้อได้แค่ไหน และรวมถึงการวินิจฉัยของแพทย์กับยาที่ให้นั้นตรงกับเชื้อที่เข้าไปหรือเปล่า”...คุณหมอทวีศักดิ์ระบุ

สรุปก็คือ “สึนามิ” ไม่เพียงเป็น “ฝันร้ายที่อาจเป็นจริงได้อีก” ที่เคยเกิดขึ้นแล้วก็ “มีผลร้ายต่อเนื่องกับสุขภาพผู้ประสบภัย” สามารถทำให้ “ป่วย-ตาย” ได้...โดยไม่ต้องมีคลื่นยักษ์!?!?!











ขอขอบคุณที่มา : 
                          สกู๊ปหน้า 1 หนังสือพิมพ์เดลินิวส์  
                          ฉบับที่ 21,158 วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2550
                          ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต





 













 
๏ปฟ












เธซเธ™เน‰เธฒเนเธฃเธ | เน€เธเธตเนˆเธขเธงเธเธฑเธšเนเธœเธ™เธ‡เธฒเธ™ | เน€เธ„เธฃเธทเธญเธ‚เนˆเธฒเธขเนเธฅเธฐเธเธดเธˆเธเธฃเธฃเธก | เธœเธฅเธœเธฅเธดเธ•เนเธฅเธฐเธฃเธฒเธขเธ‡เธฒเธ™ | เธ‚เน‰เธญเธกเธนเธฅเธชเธ–เธดเธ•เธด | เธเธฒเธฃเธˆเธฑเธ”เธเธฒเธฃเธ„เธงเธฒเธกเธฃเธนเน‰ | เธซเธ™เนˆเธงเธขเธ‡เธฒเธ™ | เธ•เธดเธ”เธ•เนˆเธญเนเธœเธ™เธ‡เธฒเธ™ | เน€เธˆเน‰เธฒเธซเธ™เน‰เธฒเธ—เธตเนˆเธ”เธนเนเธฅเธฃเธฐเธšเธš
เนเธ™เธฐเธ™เธณเนเธœเธ™เธ‡เธฒเธ™ | เธ‚เนˆเธฒเธงเธเธดเธˆเธเธฃเธฃเธก | เน€เธเธฒเธฐเธ•เธดเธ”เธเธดเธˆเธเธฃเธฃเธกเน€เธ”เนˆเธ™ | เธซเธ™เนˆเธงเธขเธ‡เธฒเธ™เธ—เธตเนˆเน€เธเธตเนˆเธขเธงเธ‚เน‰เธญเธ‡ | เธœเธฅเธœเธฅเธดเธ•เนเธฅเธฐเธฃเธฒเธขเธ‡เธฒเธ™| เธฃเธฒเธขเธ‡เธฒเธ™เธชเธธเธ‚เธ เธฒเธž| เธเน‰เธฒเธงเนƒเธซเธกเนˆเธเธฑเธš HISO | เธชเธ–เธฒเธ™เธเธฒเธฃเธ“เนŒเธชเธธเธ‚เธ เธฒเธžเธ›เธฃเธฐเน€เธ—เธจเน„เธ—เธข
เธเธฒเธฃเธงเธดเน€เธ„เธฃเธฒเธฐเธซเนŒเธชเธ–เธฒเธ™เธเธฒเธฃเธ“เนŒเธชเธธเธ‚เธ เธฒเธž | เธชเธ–เธฒเธ™เธเธฒเธฃเธ“เนŒเธ‚เนˆเธฒเธงเธชเธธเธ‚เธ เธฒเธž | เน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡เน€เธฅเนˆเธฒเธ‚เนˆเธฒเธงเธชเธธเธ‚เธ เธฒเธž | เธชเธทเนˆเธญเธ‚เน‰เธญเธกเธนเธฅเธชเธธเธ‚เธ เธฒเธž | เนเธšเธšเธชเธณเธฃเธงเธˆเธชเธธเธ‚เธ เธฒเธž | webbord | เธ„เธณเธ–เธฒเธกเธ—เธตเนˆเธžเธšเธšเนˆเธญเธข | เธชเธกเธธเธ”เน€เธขเธตเนˆเธขเธกเธŠเธก | เธšเธฃเธดเธเธฒเธฃเธ‚เน‰เธญเธกเธนเธฅ