ก่อนอื่นก็ขอแสดงความยินดีกับท่านที่รักษามะเร็งหายเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ต่อไปท่านต้องดูแลตัวเองให้แข็งแรงเพื่อให้ท่านฟื้นฟูสภาพร่างกายและที่สำคัญท่านจะต้องหาทางป้องกันมิให้มะเร็งกลับเป็นซ้ำ สำหรับท่านที่ยังไม่เป็นมะเร็งก็ควรจะป้องกันมิให้เกิดโรคนี้
หลังจากการรักษาท่านอาจจะได้รับคำแนะนำจากผู้ที่ประสงค์ดีหลายๆท่านว่าไปรักษาที่นั้นดี ไปรับประทาน ยาพระ ยาหม้อ หมอพระ รวมทั้งชีวจิต ท่านต้องตั้งสติว่าข้อมูลที่ท่านได้รับมีความน่าเชื่อถือทางวิทยาศาสตร์หรือไม่ มีการพิสูจญ์ทางวิทยาศาสตร์หรือไม่ อย่าไปเชื่อเพราะเขาบอกหรือตามคำเล่าลือเท่านั้นเพราะอาจจะทำให้ท่านเสียเงินและเสียเวลา
เนื้อหาที่จะเกล่าเป็นแนวทางในการดูแลตัวเองให้แข็งแรงและลดปัจจัยเสี่ยงต่อมะเร็ง แนวทางการป้องกันมะเร็งได้มาจากสมาคมการวิจัยเพื่อป้องกันโรคมะเร็ง American Institute for Cancer Research ดังนี้
1. เลือกอาหารที่มาจากพืช
ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมานักวิทยาศาสตร์ได้ทราบแล้วว่าอาหารเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง การรับประทานอาหารที่มาจากพืชรวมทั้งการรักษาน้ำหนักที่เหมาะสมและการออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายสามารถต่อต้านโรคมะเร็ง เนื่องจากสารอาหาร วิตามินในพืชสามารถทำให้ร่างกายซ่อมแซมเซลล์ได้ดี ยับยังการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และยังทำลายสารที่จะก่อให้เกิดมะเร็ง นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการรับประทานผักและผลไม้เพิ่ม 2 หน่วยร่วมกับการออกกำลังกายเพิ่มจะสามารถป้องกันมะเร็งได้ ร้อยละ 60-70 เช่นการเปลี่ยนขนมปังธรรมดาเป็นขนมปังธัญพืช
ให้รับประทานอาหารพวกผักชนิดใหม่ๆซึ่งจะเพิ่มความอยากรับประทานอาหารพวกผัก
ให้มีอาหารพร้อมปรุงที่ทำจากพืชไว้ในตู้เย็นเช่นพวกถั่วต่างๆ อาหารแช่แข็ง ผลไม้กระป๋อง
ให้ใช้ถั่วในการปรุงอาหารเช่นผสมในสลัด ใส่ถั่วในส้มตำ ใส่ถั่วในแกง อาจจะใช้ถั่วได้หลายชนิด เช่น
ถั่วลิสง ถั่วเขียว ถั่วแขก เม็ดมะม่วงหิมะพาน
ให้รับประทานอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์สัปดาห์ละครั้ง
หัดปรุงอาหารที่ทำจากพืช
2. รับประทานผักและผลไม้เพิ่ม
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าอาหารที่เรารับประทานควรจะมาจากพืชเสีย 2/3 เช่นผัก ผลไม้ ธัญพืช ถั่ว ส่วนที่เหลือ 1/3 มาจากเนื้อสัตว์และนม วิธีการที่จะรับประทานเนื้อสัตว์ให้ลดลงทำได้ดังนี้
ใช้เนื้อเพียงแค่ปรุงรสเท่านั้น ไม่ใช่อาหารหลักอย่างบ้านเราทำกันคือผัดผักใส่หมูหรือกุ้งเพื่อปรุงรสและกลิ่น
รับประทานอาหรโปรตีนที่ทำจากพืชเช่น เนื้อปลอมที่ทำจากถั่วเหลืองหรือจากเห็ด
เลือกอาหารว่างที่ทำจากพืช เช่น น้ำผลไม้ ผลไม้ต่างๆ
เลือกผลไม้กระป๋องไว้ประจำบ้าน ควรเลือกผลไม้ที่บรรจุในน้ำผลไม้หรือน้ำไม่ควรใส่น้ำหวานหรือเกลือ
รับประทานผักใบเขียวให้มาก
มื้อกลางวันให้รับประทานสลัด
ใช้รับผลไม้หลังจากรับประทานอาหาร
หากท่านรับประทานผักและผลไม้มากเท่าใดท่านจะได้รับสารอาหาร วิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระมากขึ้นเท่านั้นซึ่งจะต่อสู้กับมะเร็ง
3. รักษานำหนักที่เหมาะสมและออกกำลังกายเป็นประจำ
น้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับท่านควรอยู่ระหว่าง ดัชนีมวลกาย 18.5-23 สำหรับท่านที่น้ำหนักน้อยก็ต้องรับประทานอาหารเพิ่ม หากรับประทานไม่พอก็ต้องรับประทานอาหารเสริมเพิ่มขึ้น โรคอ้วน ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพมากมายสำหรับท่านที่มีน้ำหนักเกินท่านต้องรับประทานอาหารน้อยลงวิธีการรับประทานอย่างฉลาดมีดังนี้
อ่านฉลากอาหารทุกครั้ง หากปริมาณสารอาหารที่ท่านซื้อมากเกินไปท่านต้องแบ่งอาหารออกมาเพื่อมิให้ได้รับพลังงานเกินไป
อย่าอดอาหารเป็นมือเพราะท่านจะรับประทานมากขึ้นในมื้อต่อไป
เลือกอาหารว่างอย่างฉลาดควรจะเลือกพวกผักและผลไม้
ให้รับประทานเมื่อท่านหิวเท่านั้น อย่ารับประทานเพราะว่าอร่อย หรือว่ากำลังเหงา ควรหางานอดิเรกทำเพื่อจะได้ไม่รับประทานมาก เกินไป
อาหารพวกผักและผลไม้จะมีไขมันต่ำ หากอาหารหลักของท่านเป็นอาหารเหล่านี้โอกาสที่จะอ้วนก็มีน้อย
การออกกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ท่านแข็งแรง ลดความเครียดได้ ทำให้เจริญอาหารและการขับถ่ายดีขึ้นวิธีการที่จะเริ่มออกกำลังกายอย่างง่ายๆ
เริ่มทีละเล็กน้อยค่อยๆเพิ่ม อย่าหักโหมเพราะจะทำให้ได้รับบาดเจ็บ
การเดินเป็นวิธีที่ดีและง่าย
ให้กระฉับกระเฉงเช่น การขึ้นบัดได การเดินไปทำงาน การล้างรถหรือถูบ้าน
ท่านที่สุดอายุหรือมีโรคเข่าเสื่อมอาจจะเริ่มออกกำลังในน้ำเพราะจะใช้แรงไม่มากและไม่เป็นอันตรายต่อข้อ
4. ลดการดื่มสุราและสูบบุหรี่
จากการวิจัยพบว่า การดื่มสุรา ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพแต่การดื่มไวน์แดงก็อาจจะให้ประโยชน์ต่อร่างกายเหมือนกับการรับประทานองุ่นเพราะมีสาร resveratrol
หากไม่เคยดื่มสุราก็ไม่มีความจำเป็นต้องเริ่มดื่ม
หากจะดื่มสุราก็ให้ดื่มไม่เกิน 1 หน่วยสุรา
หากไปงานเลี้ยงก็ไม่ควรใช้เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์ผสม
การสูบบุหรี่ จะทำให้เกิดมะเร็งได้หลายระบบ การเลิกสูบบุหรี่จะทำให้ลดการเกิดมะเร็งได้ร้อยละ 30
5. เลือกรับประทานอาหารที่มีปริมาณไขมันต่ำ
เชื่อว่าอาหารมันและเกลือจะเพิ่มโอกาสเป็นมะเร็งโดยเฉพาะไขมันอิ่มตัวและไขมัน trans-fats ('partially hydrogenated' oils). ซึ่งไขมันทั้งสองเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อมะเร็งและโรคหัวใจ แต่มิได้ห้ามรับประทานอาหารมันเพราะอาหารมันก็มีประโยชน์ต่อร่างกายแต่ไม่ควรรับมากเกินไป
6. ปรุงอาหารอย่างถูกต้อง
การปรุงอาหารพวกเนื้อสัตว์โดยเฉพาะการย่างด้วยไฟอุณหภูมิที่สูงจะทำให้เกิดสารก่อมะเร็ง เนื่องจากน้ำมันที่ถูกไฟไหม้จะก่อให้เกิดสาร polycyclic aromatic hydrocarbons ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ควรจะเลี่ยงไปใช้วิธีอื่นเช่น การอบ การใช้microwave การต้ม การทอดในน้ำ วิธีการที่จะลดการเกิดสารก่อมะเร็งมีดังนี้
อย่าย่างเนื้อสัตว์หลายชนิดในไม้เดียวกัน เพราะเนื้อทุกชนิดสามารถทำให้เกิดมะเร็งได้ ให้เลี่ยงไปย่างผักหรือผลไม้แทนเนื้อสัตว์
เลือกเนื้อสัตว์ที่ไม่มีไขมัน และให้ตัดไขมันออกจากเนื้อสัตว์ให้หมด
ให้หมักเนื้อนั้นก่อนปรุงอาหารโดยเฉพาะการหมักด้วยมะนาวจะช่วยลดสารก่อมะเร็งให้หมักก่อนปรุง 15-20 นาที ไม่ควรหมักด้วย น้ำมัน
ไม่ควรเผาเนื้อสัตว์ ให้หุ้มเนื้อสัตว์ด้วย foil อาจจะทำให้เนื้อสัตว์สุขด้วยการต้ม อบหรือ microwave แล้วจึงนำมาเผาภายหลัง
อย่ารับประทานเนื้อสัตว์ที่ไหม้ ให้ตัดส่วนที่ไหม้ออก
การย่างหรือเผาอาหารพวกผักไม่ก่อให้เกิดสารก่อมะเร็ง
7. การถนอมอาหาร
ผู้ป่วยที่พื้นจากโรคมะเร็งจะมีภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอโอกาสจะเกิดโรคจากอาหารจะมีสูง ดังนั้นการเก็บและถนอมอาหารจะช่วยป้องกันการโรค
ล้างมือ ถ้วยชาม โต๊ะ ให้สะอาดและเปลี่ยนฟองน้ำบ่อยๆ
ให้ล้างผักและผลไม้โดยการรินน้ำ
ระวังการปนเปื้อนอาการจากการใช้มีด เขียง ชาม
ละลายอาหารแช่แข็งในตู้เย็นหรือ microwave ไม่ควรละลายในห้องครัว
ใช้ปรอทวัดอุณหภูมิของอาหารเพื่อให้แน่ใจว่าอาหารสุขจริงๆ
อ่านฉลากอาหารให้ทราบวันหมดอายุ
คำถามที่ถามบ่อย
วิตามินช่วยป้องกันมะเร็งได้หรือไม่ จากรายงานพบว่าวิตามินในผักและผลไม้มีคุณค่ามากกว่ายาเม็ดวิตามิน ดังนั้นแนะนำให้รับประทานอาหารพวกผักและผลไม้ให้มาก ในกรณีที่รับอาหารไม่ได้เลยแพทย์ก็จะพิจารณาให้วิตามินเสริม
สารอาหารที่ใช้ป้องกันมะเร็ง
สารอาหารที่ใช้ป้องกันมะเร็งหรือที่เรียกว่า Chemoprevention จะทำหน้าที่สองประการคือ ป้องกันการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม และหยุดการแบ่งเซลล์มะเร็ง สำหรับสารที่นิยมมาใช้ป้องกันมะเร็งได้แก่ |
สารอาหาร |
ชนิดสารอาหาร |
ใช้ป้องกันหรือรักษามะเร็ง |
Vitamin A + other retinoids |
vitamin |
ผิวหนัง คอและศีรษะ ปอด |
Vitamin C |
vitamin |
ลำไส้ใหญ่ กระเพาะอาหาร |
Vitamin D |
vitamin |
ลำไส้ใหญ่ |
Vitamin E |
vitamin |
ลำไส้ใหญ่ |
Folic Acid |
vitamin |
ปากมดลูก |
Selenium |
mineral |
ผิวหนัง |
Calcium |
mineral |
ลำไส้ใหญ่ |
Beta-Carotene |
phytochemical |
ปอด คอและศีรษะ ลำไส้ใหญ่ กระเพาะอาหาร |
Monoterpenes |
phytochemical |
เต้านม |
Tamoxifen |
drug |
เต้านม |
Finasteride |
drug |
ต่อมลูกหมาก |
Oltipraz |
drug |
ตับ |
NSAIDS
(nonsteroidal anti-inflammatory drugs -- aspirin, buprofen) |
drug |
ลำไส้ใหญ่ |
Sunscreen |
other |
ผิวหนัง |
Spirulina fusiformi |
(blue-green algae) |
คอและศีรษะ |
|
|
|