เรื่องเล่าข่าวสุขภาพ | สมรรถภาพร่างกาย | สุขภาวะทางจิต | สุขภาพกับความงาม | สื่อกับสุขภาพ | สมุนไพรเพื่อสุขภาพ | ธรรมะกับสุขภาพ






ยาเม็ดคุมกำเนิด สิ่งที่คุณต้องรู้







การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด (Oral Contraceptives)


            ปัจจุบัน การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด มีการใช้อย่างแพร่หลายและกระจาย ไปในหญิงทุกกลุ่ม โดยที่ยาคุมกำเนิดเองก็มีมากมาย หลายยี่ห้อส่วนใหญ่ เรามักจะพบปัญหาในการใช้ยาคุมกำเนิด  โดยที่คนไข้ มักจะไปหาซื้อยามาใช้เอง ตามร้านขายยา หรือไม่  ก็มักจะถามจากเพื่อนๆ ซึ่งเมื่อใช้ยาไปแล้ว ก็จะมีอาการข้างเคียง เกิดขึ้นตามมา จนบางคนก็ไม่สามารถทนยาได้ ต้องเปลี่ยน เป็นยาตัวอื่น หรือหาซื้อยามา เพื่อแก้อาการเหล่านั้น อีกทั้งยังเสี่ยงต่อ การตั้งครรภ์ จากการได้ยาไม่ครบ ตามจำนวน หรือเกิดปฏิกิริยา ระหว่างยาคุมกำเนิดกับยาอื่นที่ได้รับเข้าไป ดังนั้นเราจะต้องเลือกใช้ ยาคุมกำเนิดให้เหมาะสมกับตัวเอง


ตัวยาในยาเม็ดคุมกำเนิด  จะมีฮอร์โมนอยู่ 2 ชนิดที่ใช้ในยาคุมกำเนิด


            - Estrogen (เอสโตรเจน) ที่ใช้มากได้แก่ Ethinyl estradiol (EE) และ Mestranol โดยตัว Mestranol จะมีฤทธิ์น้อยกว่า เพราะต้องเปลี่ยนเป็น Estrogen ที่ตับ ก่อนที่จะออกฤทธิ์

            - Progesterone (โปรเจสเตอโรน) ที่นิยมใช้ได้แก่ Norethisterone (Norethindrone) รวมทั้งในรูป acetate ด้วย, Norethynodrel, Lynestrenol,Norgestrel, d-Norgestrel (Levonorgestrel), Desogestrel, Gestodene,Medroxyprogesterone acetate ฯลฯ ยากลุ่มนี้อาจจะ แสดงฤทธิ์ของฮอร์โมน Androgen ด้วยเช่น Norgestrel, d-Norgestrel (Levonorgestrel) และ Norethisteroneนอกจากนี้ Norethisterone ยังแสดงฤทธิ์ Estrogen อ่อนๆ อีกด้วย


รูปแบบของยาเม็ดคุมกำเนิดในท้องตลาด   ยาในท้องตลาดจะแบ่งได้ตาม ส่วนประกอบของยาคือ

1. ยาที่แสดงฤทธิ์เอสโตรเจนเด่นกว่า ได้แก่
- Anacyclin (Lynestrenol 1 mg + EE 0.1 mg)
- Norinyl (Norethisterone 1 mg + Mestranol 0.05 mg)
- Diane-35 (Cyproterone 2 mg + EE 0.035 mg)

2. ยาที่แสดงฤทธิ์โปรเจสเตอโรนเด่นกว่า ได้แก่
- Microgynon 30 (Levonorgestrel 0.150 + EE 0.03 mg)
- Nordette (Levonorgestrel 0.150 + EE 0.03 mg)
- Nordiol (Levonorgestrel 0.250 + EE 0.05 mg)
- Eugynon 30 (Levonorgestrel 0.250 + EE 0.03 mg)
- Ovral (Norgestrel 0.5 + EE 0.05 mg)
- Eugynon 50 (Norgestrel 0.5 + EE 0.05 mg)

3. ยาที่แสดงฤทธิ์สมดุล (Balanced pills) ได้แก่
- Novular (Norethisterone acetate 4 mg + EE 0.05 mg)
- Gynovlar (Norethisterone acetate 3 mg + EE 0.05 mg)
- Gynera (Gestodene 0.075 mg + EE 0.03 mg)
- Microgynon 50 (Levonorgestrel 0.125 + EE 0.05 mg)
- Marvelon (Desogestrel 0.150 + EE 0.03 mg)
- Mercilon (Desogestrel 0.150 + EE 0.02 mg)
- Lyndiol (Lynestrenol 2.5 + Mestranol 0.75 mg)

4. ยาที่มีโปรเจสเตอโรนเพียงอย่างเดียว (Mini pills) ได้แก่
- Exluton (Lynestrenol 0.5 mg)
- Noriday (Norethisterone 0.35 mg)


การเลือกใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด


           



           ปกติยาที่มีฤทธิ์สมดุล สามารถใช้ได้กับคนส่วนใหญ่ แต่ผู้หญิงที่มี
ลักษณะของเพศหญิงมาก เช่น มีหน้าอก สะโพกผาย ผิวหนังเต่งตึง มีไขมันใต้ผิวหนังมาก ขนไม่ดก แสดงว่า อาจมีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง หรือไวต่อเอสโตรเจนมาก ให้เลือกยาที่แสดงฤทธิ์ โปรเจสเตอโรนเด่นกว่า ส่วนหญิงที่มีลักษณะตรงกันข้ามก็สามารถเลือกยาที่มีฤทธิ์ไปทางเอสโตรเจนเด่นกว่าได้ สำหรับวิธีการ และอาการประกอบอื่นๆ ที่ใช้ในการเลือกยาได้แก่



1. เลือกใช้ยาที่มีเอสโตรเจนต่ำ  เพื่อลดอาการข้างเคียง
2. อาการคลื่นไส้  มักจะเกิดเมื่อกินยาชุดแรก โดยเฉพาะ 2-3 เม็ดแรก อาการจะลดลงและพบได้น้อย ภายหลังรับประทานยาไปแล้ว 3 ชุด ถ้าเกิดมาก ให้เปลี่ยนไปใช้ชนิดที่แสดงฤทธิ์ โปรเจสเตอโรนเด่นกว่า หรือยาที่มีเอสโตรเจนต่ำ หรือเปลี่ยนชนิดของเอสโตรเจน
3. อาการปวดศีรษะ วิงเวียน และมีอาการซึมเศร้า อาจจะเป็นผลจากยาโดยตรง หรืออาจจะเกิดจากการคั่งน้ำ และโซเดียมจากเอสโตรเจน ให้ทดลองลดขนาดเอสโตรเจนลง
4. น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เกิดจากฤทธิ์เสริมสร้าง (anabolic effect) จากโปรเจสเตอโรนที่มีฤทธิ์ของ Androgen อยู่ด้วยได้แก่ Norgestrel, Levonorgestrel และ Norethisterone หรืออาจเกิดจากการมีไขมันใต้ผิวหนัง, คั่งน้ำ และโซเดียมจากเอสโตรเจน ให้หลีกเลี่ยงไปใช้โปรเจสเตอโรนตัวอื่น หรือลดขนาดของเอสโตรเจนลง
5. สิวขึ้น และผมร่วง เกิดจากฤทธิ์ของ Androgen เหมือนกัน ควรเลือกโปรเจสเตอโรนที่ไม่มีฤทธิ์ Androgen หรือใช้ยาที่มีสารต้านฤทธิ์ Androgen เช่น Diane-35
6. เต้านมคัดและเจ็บ มักเกิดจากยาที่มีฤทธิ์ต้าน Androgen เช่น Diane-35 ควรหลีกเลี่ยงไปใช้ยาที่มีฤทธิ์ Androgen ด้วย
7. อาการมีเลือดออกกระปริบกระปรอยนอกเวลาประจำเดือน  มักเกิดกับผู้ที่ใช้ยาที่มีโปรเจสเตอโรน และเอสโตรเจนที่มีขนาดต่ำ เลือดจะออก 2-3 วัน ถ้าทานยาต่อไปเลือด
อาจจะหยุดเอง หรือไม่ก็เลือกยาที่มีขนาดสูงขึ้น
8. ยาที่มีโปรเจสเตอโรนเพียงอย่างเดียว (Mini pills)  จะเลือกใช้กับผู้ที่ทนต่อเอสโตรเจนไม่ได้ แต่ฤทธิ์ในการคุมกำเนิด จะลดลง ซึ่งอาจจะตั้งครรภ์ ระหว่างใช้ยาได้


อาการข้างเคียงอื่นๆ

- ฝ้าที่หน้า อาจจะเกิดขึ้น ที่แก้มหรือริมฝีปากบน อาจจะหลังทานยา 2-3 เดือน เมื่อหยุดยาฝ้าจะจางลง
- ประจำเดือนลดลงทั้งปริมาณ และระยะเวลา บางรายก็ไม่มีประจำเดือนเลย ซึ่งอาจจะเกิดจาก มดลูกเจริญเติบโตไม่เพียงพอ
- อาการที่เกิดขึ้นได้น้อย แต่รุนแรง ได้แก่ โรคหลอดเลือดอุดตัน เส้นเลือดในสมองแตก โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรค
  ของถุงน้ำดี


วิธีใช้ยา

            ยาเม็ดคุมกำเนิด ส่วนใหญ่จะเป็นแผง 21 เม็ด มักเริ่มทานวันที่ 1-5 ที่มีประจำเดือนมา และทานติดต่อกัน 21 วัน แล้วจะมีประจำเดือนมา 2-4 วัน หรืออย่างช้าไม่เกิน 7 วันหลังหยุดยา แล้วจึงเริ่มต้นใหม่วันที่ 1-5 ของรอบเดือน ยาบางชนิดจะเป็นแบบแผง 28 เม็ด จะมีเม็ดที่ไม่มีฮอร์โมนอยู่ 7 เม็ด ซึ่งสามารถทานติดต่อกันไปได้  โดยไม่ต้องหยุดยา เวลาขึ้นแผงใหม่ สำหรับยาชนิดที่มี โปรเจสเตอโรนอย่างเดียว (Mini pills) จะทานวันแรกของประจำเดือ ติดต่อกันไปจนหมดชุด แล้วเริ่มแผงใหม่ได้เลยโดยไม่ต้องเว้นวัน

            การทานยา เวลาที่เหมาะคือหลังอาหารเย็น หรือก่อนนอน ควรรับประทานเวลาเดียวกันทุกวัน เพื่อให้ระดับยาสม่ำเสมอ และลดโอกาสการเกิด เลือดออกระหว่างเดือนถ้าลืมทานยา ให้ทานทันทีที่นึกได้แล้วทานเม็ดต่อไปตามปกติ ถ้าลืมหลายเม็ด ให้หยุดยา และป้องกันด้วยวิธีอื่น จนกว่าจะมีประจำเดือน แล้วจึงเริ่มแผงใหม่


ข้อควรระวัง และข้อห้ามใช้

            ยาบางอย่าง มีผลต่อการออกฤทธิ์ ของยาเม็ดคุมกำเนิด ทำให้มีเลือดออกระหว่างเดือน, เกิดตั้งครรภ์, หรือประสิทธิภาพของยาอื่นลดลง, ควบคุมความดันเลือด หรือเบาหวานไม่ได้ ยาพวกนี่ที่เราใช้ประจำ ได้แก่ Ampicillin, Chloramphenicol,Nitrofurantoin, Phenacetin, Phenobarbitone, Insulin, ยาเบาหวานชนิดรับประทาน,Guanetidine ฯลฯ

            ยาคุมกำเนิดห้ามใช้ใน สตรีที่เป็นโรคตับ เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือดโรคไต โรคภูมแพ้ เส้นเลือดดำอุดตัน โรคต่อมไธรอยด์บางชนิด โรคลมชัก สตรีอายุ 40 ปีขึ้นไป มะเร็งเต้านม มะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์ เนื้องอกมดลูก

            เนื่องจากปัจจุบัน ยาเม็ดคุมกำเนิด มียาใหม่ๆ ออกมาเป็นจำนวนมาก การที่จะเลือกซื้อ ยาเม็ดคุมกำเนิดนั้น คงต้องให้ความระมัดระวัง และเลือกซื้อ จากร้านที่เชื่อถือได้ หรือควรปรึกษาเภสัชกรก่อนทุกครั้ง ส่วนผู้ที่มีความเสี่ยง หรือมีโรคประจำตัว ควรที่จะปรึกษา แพทย์ที่ดูแลอยู่ ก่อนที่จะใช้ยาคุมกำเนิด










ขอขอบคุณที่มา : วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธรจังหวัดยะลา
      คัดลอกจาก : http://www.yala.ac.th/subject/contra2.html
                          ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต





 













 
๏ปฟ












เธซเธ™เน‰เธฒเนเธฃเธ | เน€เธเธตเนˆเธขเธงเธเธฑเธšเนเธœเธ™เธ‡เธฒเธ™ | เน€เธ„เธฃเธทเธญเธ‚เนˆเธฒเธขเนเธฅเธฐเธเธดเธˆเธเธฃเธฃเธก | เธœเธฅเธœเธฅเธดเธ•เนเธฅเธฐเธฃเธฒเธขเธ‡เธฒเธ™ | เธ‚เน‰เธญเธกเธนเธฅเธชเธ–เธดเธ•เธด | เธเธฒเธฃเธˆเธฑเธ”เธเธฒเธฃเธ„เธงเธฒเธกเธฃเธนเน‰ | เธซเธ™เนˆเธงเธขเธ‡เธฒเธ™ | เธ•เธดเธ”เธ•เนˆเธญเนเธœเธ™เธ‡เธฒเธ™ | เน€เธˆเน‰เธฒเธซเธ™เน‰เธฒเธ—เธตเนˆเธ”เธนเนเธฅเธฃเธฐเธšเธš
เนเธ™เธฐเธ™เธณเนเธœเธ™เธ‡เธฒเธ™ | เธ‚เนˆเธฒเธงเธเธดเธˆเธเธฃเธฃเธก | เน€เธเธฒเธฐเธ•เธดเธ”เธเธดเธˆเธเธฃเธฃเธกเน€เธ”เนˆเธ™ | เธซเธ™เนˆเธงเธขเธ‡เธฒเธ™เธ—เธตเนˆเน€เธเธตเนˆเธขเธงเธ‚เน‰เธญเธ‡ | เธœเธฅเธœเธฅเธดเธ•เนเธฅเธฐเธฃเธฒเธขเธ‡เธฒเธ™| เธฃเธฒเธขเธ‡เธฒเธ™เธชเธธเธ‚เธ เธฒเธž| เธเน‰เธฒเธงเนƒเธซเธกเนˆเธเธฑเธš HISO | เธชเธ–เธฒเธ™เธเธฒเธฃเธ“เนŒเธชเธธเธ‚เธ เธฒเธžเธ›เธฃเธฐเน€เธ—เธจเน„เธ—เธข
เธเธฒเธฃเธงเธดเน€เธ„เธฃเธฒเธฐเธซเนŒเธชเธ–เธฒเธ™เธเธฒเธฃเธ“เนŒเธชเธธเธ‚เธ เธฒเธž | เธชเธ–เธฒเธ™เธเธฒเธฃเธ“เนŒเธ‚เนˆเธฒเธงเธชเธธเธ‚เธ เธฒเธž | เน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡เน€เธฅเนˆเธฒเธ‚เนˆเธฒเธงเธชเธธเธ‚เธ เธฒเธž | เธชเธทเนˆเธญเธ‚เน‰เธญเธกเธนเธฅเธชเธธเธ‚เธ เธฒเธž | เนเธšเธšเธชเธณเธฃเธงเธˆเธชเธธเธ‚เธ เธฒเธž | webbord | เธ„เธณเธ–เธฒเธกเธ—เธตเนˆเธžเธšเธšเนˆเธญเธข | เธชเธกเธธเธ”เน€เธขเธตเนˆเธขเธกเธŠเธก | เธšเธฃเธดเธเธฒเธฃเธ‚เน‰เธญเธกเธนเธฅ