HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
บางกอกทูเดย์ [ วันที่ 26/06/2555 ]
โรค "ภูมิแพ้" และ โรค "แพ้ภูมิ"ใช้ยาเหมือนกันหรือไม่?

   โรค "ภูมิแพ้" และ โรค "แพ้ภูมิ" เป็นชื่อโรคที่มีความคล้ายคลึงกัน เพียงแต่เขียนสลับคำกันเท่านั้น ซึ่งอาจทำให้หลายคนเข้าใจผิด คิดว่าสองโรคนี้คือโรคเดียวกัน แต่จริงๆ แล้วทั้งสองโรคนี้มีความแตกต่างกันหรือไม่ การรับประทานยาและการดูแล มีความแตกต่างกันอย่างไร ภก.ประวิทย์ ตันติสุวิทย์กุล กรรมการสมาคมเภสัชกรรมชุมชน (ประเทศไทย) และที่ปรึกษาองค์การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการสาธารณสุข จะมาให้คำตอบ ในเรื่องเหล่านี้ความแตกต่างระหว่างโรคภูมิแพ้และโรคแพ้ภูมิ
          โรค "ภูมิแพ้" เกิดจากการที่ร่างกายได้รับสารก่อภูมิแพ้จากภายนอกเข้าไป และร่างกายมีการสร้างภูมิขึ้นมา ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับสารก่อภูมิแพ้เข้าไปอีกครั้ง ร่างกายก็จะเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง โดยปฏิกิริยานี้จะมีความไวกว่าคนปรกติทั่วไป ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ขึ้น ซึ่งอาการของโรคภูมิแพ้อาจปรากฏออกมาได้หลายทาง ได้แก่
          *  ผิวหนัง เช่น มีผื่น คัน บวม แดง นูน หนา ที่เรียกว่าลมพิษ*  ตา เช่น คันตา เคืองตา น้ำตาไหล*  ทางเดินหายใจ เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล คันจมูก หรือเรียกว่าโรคแพ้อากาศ*  คอ เช่น ไอ หอบ หืด คันคอ *  ทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียโรค "แพ้ภูมิ" เกิดจากการที่ร่างกายมีภูมิต้านทานที่ผิดปรกติ แทนที่จะต่อต้านสิ่งที่เข้ามาจากภายนอก กลับต่อต้านร่างกายโดยทำลายเนื้อเยื่อและอวัยวะของตนเอง ซึ่งความผิดปรกติจะเกิดขึ้นภายในร่างกายและอาจปรากฏได้หลายทาง เช่น ทำให้เกิดปัญหากับหัวใจ ไต ผมร่วง ผิวหนังผิดปรกติ หลอดเลือดผิดปรกติ หรือปวดข้อ ซึ่งเราเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า "Autoimmune" อาการของโรคแพ้ภูมิจะปรากฏออกมาในหลายรูปแบบ ดังนี้
          *  SLE (Systemic Lupus Erythematosus) หรือรู้จักกันในชื่อ "โรคพุ่มพวง" โดย
          ภูมิคุ้มกันจะทำลายอวัยวะภายในของตนเอง* รูมาตอยด์ (Rheumatoid) โดยภูมิคุ้มกันจะทำลายข้อ ทำให้มีอาการคือปวดบวม
          ตามข้อต่าง ๆ * โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หนังตาตก (myasthenia gravis)โรคภูมิแพ้และโรคแพ้ภูมิ หายได้หรือไม่?
          การดำเนินโรคของผู้ป่วยโรค "ภูมิแพ้" และ โรค "แพ้ภูมิ" ในผู้ป่วยแต่ละรายจะแตกต่างกันออกไป ซึ่งอาการของโรคภูมิแพ้ในผู้ป่วยบางรายสามารถดีขึ้นหรือหายไปได้ โดยการออกกำลังกายพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่ดี มีประโยชน์ แต่สำหรับโรคแพ้ภูมิ หากเกิดขึ้นแล้วต้องมีการควบคุมโรคโดยตลอด หากมีการควบคุมดี อาการก็อาจจะไม่รุนแรงขึ้น แต่หากไม่ควบคุมอาการก็จะรุนแรงขึ้นได้ ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้ต้องรับประทานยาไปตลอดชีวิตยาที่ใช้ในผู้ป่วยโรคภูมิแพ้และโรคแพ้ภูมิ
          ยาที่ใช้สำหรับโรคภูมิแพ้ก็คือยาแก้แพ้ หรือ Antihistamine ซึ่งมีทั้งชนิดที่ออกฤทธิ์ แล้วง่วง และออกฤทธิ์แล้วง่วงน้อย รวมทั้งการใช้สเตียรอยด์ในรูปแบบรับประทานและแบบพ่น ส่วนโรคแพ้ภูมิ ส่วนใหญ่จะใช้ยาสเตียรอยด์เพื่อกดอาการต่างๆ เอาไว้ไม่ให้ร่างกายต่อต้านตนเอง ซึ่งการใช้ยาสเตียรอยด์ต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น เนื่องจากสเตียรอยด์มีทั้งประโยชน์และโทษ หากใช้ไม่ถูกต้องก็จะเป็นผลเสียต่อร่างกายได้
          นอกจากการใช้ยาแล้ว ปัจจุบันยังได้มีการศึกษาถึงการนำสารสำคัญในน้ำนมแรกคลอด ได้แก่น้ำนมน้ำเหลือง หรือ Colostrum มาใช้ประโยชน์ในการปรับภูมิของร่างกาย เรียกว่า Transfer factor ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์ต่อการรักษาโรคภูมิแพ้ในวันข้างหน้าด้วยการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคแพ้ภูมิ
          การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด นอกจากนั้นการออกกำลังกายเบาๆ การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงของมึนเมา ก็จะช่วยให้อาการของผู้ป่วยโรคแพ้ภูมิดีขึ้นได้สถานการณ์ของโรคภูมิแพ้และโรคแพ้ภูมิ
          ปัจจุบันพบผู้ป่วยโรคแพ้ภูมิมากขึ้น ทั้งนี้อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย หรือกรรมพันธุ์ ส่วนผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ก็พบมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะในคนเมือง ซึ่งอาจเกี่ยวเนื่องกับวิถีการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปส่วนหนึ่งด้วย


pageview  1205837    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved