ในช่วงหน้าฝน มีโรคร้ายโรคหนึ่งที่เราต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะเป็นโรคติดต่อ จากเชื้อไวรัสที่มียุงลายเป็นพาหะ นั่นคือ "โรคไข้เลือดออก" วารสารสุขภาพดีกับ พรีม่าเล่มนี้ ได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์แพทย์หญิงอุษา ทิสยากร นายกสมาคม โรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมกุมารเวชศาสตร์เขตร้อนนานาชาติ ที่จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับโรคดังกล่าว
          อะไรเป็นสาเหตุของโรคไข้เลือดออก
          โรคไข้เลือดออกเกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า "เดงกี" (Dengue) ซึ่งมียุงลายเป็นพาหะ เป็นโรคที่พบได้ตลอดปี แต่พบบ่อยในฤดูฝน แม้ว่าส่วนใหญ่จะพบโรคนี้ในเด็ก แต่ในปัจจุบันผู้ใหญ่เป็นโรคนี้มากขึ้น
          อาการของโรคไข้เลือดออกเป็นอย่างไร
          อาการของโรคไข้เลือดออกคือ มีไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัว คลื่นไส้ อาเจียน หน้าแดง ในระยะแรกนี้จะกินเวลาประมาณ 3-4 วัน หลังจากนั้นไข้จะค่อยๆ ลด ซึ่งเป็นระยะอันตราย กินเวลาประมาณ 1-2 วัน ผู้ป่วยต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด และควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ ระยะต่อมาเป็นระยะฟื้นตัว กินเวลา 2-3 วัน ผู้ป่วยจะรู้สึกดีขึ้นโดยเริ่มรู้สึกอยากอาหารและถ่ายปัสสาวะได้มากขึ้น
          การรักษา และวิวัฒนาการในการรักษาโรคไข้เลือดออกในประเทศไทย
          การรักษาโรคไข้เลือดออกในประเทศไทยถือว่าทำได้ดีมาก แพทย์ไทยเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกุมารแพทย์ มีความคุ้นเคยกับโรคนี้เป็นอย่างดี ยิ่งในปัจจุบันที่วิทยาการทางการแพทย์ก้าวหน้าไปมาก การตรวจเลือดในระยะต้นๆ ก็จะทำให้รู้ว่า ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสนี้แล้ว สำหรับการรักษา ถ้าผู้ป่วยอยู่ในระยะที่สอง อาจต้องอยู่ที่ โรงพยาบาล แต่ถ้ายังอยู่ในระยะแรก อาจนัดพบแพทย์เพื่อดูอาการทุกวัน โดยในราย
          ที่ไม่ได้มีอาการรุนแรงก็อาจไม่จำเป็นต้องอยู่ที่โรงพยาบาลก็ได้แต่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินความรุนแรงของโรค การรักษาจะเป็นไปตามอาการ เช่น เมื่อมีไข้สูง ก็จะให้พยายามทำให้ไข้ลดด้วยวิธีการต่างๆ เช่น เช็ดตัว กินยา ลดไข้ ให้น้ำเกลือเพื่อรักษาอาการช็อค อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันการรักษาโรคไข้เลือดออก ในประเทศไทยเราก้าวหน้าไปมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับเมื่อมีโรคนี้ในระยะ  แรกๆ เมื่อห้าสิบกว่าปีที่แล้วมาซึ่งมีอัตราการเสียชีวิตสูงมาก แต่ในปัจจุบัน มีอัตราการ เสียชีวิตจากโรคนี้ต่ำมาก ในประเทศไทยเราตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน มีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกประมาณ 10,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ไป 7 ราย
          การป้องกันโรคไข้เลือดออก
          การป้องกันที่ดีที่สุดคือระวังไม่ให้ยุงกัด และกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ซึ่งก็คือ ภาชนะต่างๆ ที่มีน้ำขัง เช่น กระป๋อง กะลา สำหรับภาชนะที่เป็นแหล่งเก็บน้ำ เช่น ตุ่มน้ำ ควรมีฝาปิดและเปลี่ยนน้ำบ่อยๆ เพื่อกำจัดลูกน้ำยุงลาย ข้อคิดฝากถึงผู้อ่าน
          ในปัจจุบัน วัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัย ดังนั้น เราจึง ต้องป้องกันตัวเองด้วยวิธีอื่นๆ ไปก่อน เช่น พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกยุงกัด ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และถ้าหากมีอาการเป็นไข้สูงก็ควรจะไปพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อตรวจดูอาการให้แน่ชัดและ เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะสมต่อไป
          "ในปัจจุบันการรักษาโรคไข้เลือดออกในประเทศไทยเราก้าวหน้าไปมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับเมื่อมีโรคนี้ในระยะแรกๆ เมื่อห้าสิบกว่าปีที่แล้วมา ซึ่งมีอัตราการเสียชีวิตสูงมาก"