|
|
|
สยามกีฬา [ วันที่ 05/02/2556 ] |
|
|
|
|
อย.ห่วงความปลอดภัยอย่ากินยาพาราฯพร่ำเพรื่อ |
|
|
|
|
ยาพาราเซตามอล ยาสามัญประจำบ้านที่คนไทยรู้จักกันดีว่าเป็นยาแก้ปวด ลดไข้ ซึ่งใช้กันบ่อยที่สุดทั้งจากการสั่งใช้โดยแพทย์ หรือการซื้อหามาเพื่อรักษาตนเอง จนทำให้เกิดคำถามขึ้นว่าคนไทยใช้พาราเซตามอลมากเกินความจำเป็นหรือไม่
ทั้งนี้คณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ได้ออกมาชี้แจงและอยากให้ตระหนักถึงความปลอดภัยในการใช้ยาพาราเซตามอลของผู้บริโภค เนื่องจากตอนนี้เรามีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับยานี้เกินขนาด ซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง
โดย นพ.บุญชัย สมบูรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาเปิดเผยว่า จากข้อมูลการใช้ยาพาราเซตามอลเกินกว่าปริมาณที่กำหนด เนื่องจากมองว่าเป็นยาพื้นฐาน มีความปลอดภัย และเข้าใจว่าสามารถรักษาได้ทุกอาการปวด ซึ่งในความเป็นจริง ยาพาราเซตามอลมีฤทธิ์แก้ปวด ลดไข้เท่านั้น และไม่ควรใช้ติดต่อกันนานๆเพราะอาจจะนำไปสู่การเกิดพิษต่อตับ จนนำไปสู่ภาวะตับวาย และเสียชีวิตในที่สุด ในเรื่องนี้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตะหนักถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคในการใช้ยาพาราเซตตามอล จึงได้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องยาที่ต้องแจ้งคำเตือนการใช้ยาไว้ในสลากและเอกสารกำกับยา โดยกำหนดให้ผลิตภัณฑ์ยาที่มีส่วนประอบของพาราเซตามอล ทั้งที่เป็นยาสามัญ และยาสามัญประจำบ้าน ต้องมีข้อความเตือนบนสลาก ได้แก่ 1) ถ้าใช้ยานี้เกินขนาดที่ระบุไว้บนสลากหรือเอกสารกำกับยา จะทำให้เป็นพิษต่อตับได้ และไม่ควรใช้ยานี้ติดต่อกันเกิน5วัน , และ2) ผู้ที่เป็นโรคตับ โรคไตควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนใช้ยานี้
ทั้งนี้ยาพาราเซตามอล ที่เป็นยาสามัญประจำบ้าน สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป อย. จึงมีมาตรการกำหนดให้สลากยาระบุวิธีใช้อย่างเคร่งครัด คือ รับประทานครั้งละ 1-2 เม็ด ไม่เกินวันละ 4 ครั้ง และต้องมีขนาดบรรจุเป็นแผลละ 4 และ 10 เม็ด เท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคใช้นานเกินขนาดที่ระบุไว้ข้างต้น
อย่างไรก็ตาม จากการที่องค์การอาหารและยา ประเทศสหรัฐอเมริกา (USFDA) ออกประกาศให้บริษัทยาที่ผลิตยาแก้ปวดสูตรที่มีส่วนผสมของพาราเซตามอลเป็นส่วนประกอบ ในกลุ่มยาแก้ปวดที่ใช้ระงับความเจ็บปวดรุนแรงถึงรุนแรงมากที่สุก ซึ่งเป็นยาที่ใช้กับคนไข้ในโรงพยาบาลหรือคลีนิกปรับลดปริมาณยาพาราเซตามอลลงจากเดิม จากขนาดยา 500 มิลิกรัมต่อเม็ด เป็น 325 มิลลิกรัมต่อเม็ด รวมทั้งกำหนดให้ระบุข้อความบนสลากยาถึงผลข้างเคียงว่า "ยามีผลทำให้เกิดพิษต่อตับอย่างรุนแรง"ด้" นั่นเป็นการลดความเสี่ยงของผู้บริโภคในการที่จะได้รับปริมาณยาพาราเซตามอลเกินขนาด และลดความเสี่ยงที่จะเกิดพิษต่อตับลง ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา ขอให้ผู้บริโภคใช้ยาอย่างระมัดระวังควรอ่านสลากและเอกสารกำกับยาอย่างถ้วนถี่ และปฏิบัติตามวิธีใช้ที่ระบุบนสลากยาอย่างเคร่งครัด ไม่ควรรับประทานยาเกินกว่าปริมาณที่ระบุไว้ โดยเฉพาะยาพาราเซตามอลไม่ควรรับประทานเกินวันละ 8 เม็ด(เม็ดละ 500 มิลลิกรัม) และหากมีความผิดปกติหรือมีอาการข้างเคียงจากการใช้ยา อาทิ คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร บวมบริเวณท้อง กดเจ็บบริเวณตับ ขอให้พบแพทย์โดยด่วน ทั้งนี้หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา
ขอบคุณข้อมูลจากกองพัฒนาศักยภาพผู้บริโภค |
| | |
|
| |
|
pageview 1205887 |
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO) ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th | | |
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved
|
| |