HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
สยามกีฬา [ วันที่ 29/01/2556 ]
มะเร็งปากมดลูก ภัยร้ายใกล้ตัวคุณผู้หญิง

อัตราผู้ป่วยที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเรงนั้นมะเร็งปากมดลูกยังครองแชมป์อันดับหนึ่งของหญิงไทย มีสถิติการเสียชีวิตสูงถึงวันละ 14 คน ทั้งๆ ที่ปัจจุบันมะเร็งปากมดลูกรักษาหายได้ถ้ารักษาตั้งแต่ระยะแรกๆ และมีวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกอีกด้วย ทั้งนี้เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มารักษาที่โรงพยาบาลนั้นมีอาการอยู่ในระยะที่ 3-4 ซึ่งเป็นอาการที่หนักมากแล้วจึงจะมาพบแพทย์ ทำให้มีอัตราการเสียชีวิตสูงผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจการตรวจโรคมะเร็งปากมดลูก ไม่กล้าตรวจ Good Health for You จึงได้ขอถามความรู้เรื่องมะเร็งปากมดลูกจากสูตินรีแพทย์ ตั้งแต่การตรวจหา การป้องกัน อาการและการรักษา เพราะมะเร็งปากมดลูกรักษาหายได้หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มแรก
          แพทย์หญิงณัฏฐินี ประชาศิลป์ชัย สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลธนบุรี 2 ได้ให้ความรู้ เพื่อให้ผู้หญิงไทย ห่างไกลมะเร็งปากมดลูก ดังนี้
          ผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์แล้วล้วนมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ เพราะมะเร็งปากมดลูกเกิดจากการติดเชื้อ HPV (Human papilloma viruses) ชนิดมีความเสี่ยงสูง (โดยพบสายพันธ์ 16 และ 18 บ่อยที่สุด) จากการมีเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์กับหลายคน เปลี่ยนคู่นอนบ่อยหรือมีเพศสัมพันธ์กับชายคนเดียว แต่ผู้ชายคนนั้นมีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่น (ถุงยางอนามัยสามารถป้องกันโรคเพศสัมพันธ์อื่นๆได้แต่ไม่สามารถป้องกันเชื้อ HPV ได้ 100%) ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้มีโอกาสได้รับเชื้อไวรัส HPV ชนิดก่อมะเร็งเข้าสู่ร่างกายได้นานกว่า 10 ปี โดยไม่แสดงอาการ แต่เป็นข้อดีเพราะมีเวลานานพอที่จะตรวจพบและรักษาตั้งแต่ช่วงต้นๆ ซึ่งมีโอกาสหายได้ ทั้งนี้การติดเชื้อไวรัส HPV นั้นกว่า 90% ร่างกายสามารถกำจัดได้เอง มีส่วนน้อยที่เป็นการติดเชื้อแบบเนิ่นนานและก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ปากมดลูกจนกลายไปเปนเซลล์มะเร็ง
          อาการป่วยมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับระยะของมะเร็ง ที่พบบ่อยคืออาการเลือดออกระหว่างรอบเดือน มีตกขาวผิดปกติ มีกลิ่นเหม็น มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ มักไม่มีอาการปวด หรือถ้าอาการลุกลามมาจะมีปัสสาวะหรืออุจจาระเป็นเลือด
          การรักษาตามระยะของมะเร็งแบ่งออกเป็น
          -ระยะก่อนมะเร็ง จะรักษาโดยการผ่าตัดเล็กเพื่อตรวจและติดตามอาการซึ่งสามารถรักษาหายได้ 100%
          -ระยะที่ 1 เซลล์มะเร็งอยู่ที่ปากมดลูกรักษาโดยการผ่าตัดมดลูก และต่อมน้ำเหลืองในเชิงกรานมีโอกาสหาย 80-90%
          -ระยะที่ 2 เซลล์มะเร็งกระจายออกนอกมดลูก ไม่สามารถผ่าตัดมดลูกได้ รักษาโดยการรังสี ฝังแร่และเคมีบำบัดโอกาสหายประมาณ 20%
          - ระยะที่ 4 เซลล์มะเร็งกระจายไปยังอวัยวะอื่นที่ไกลออกไป เช่นต่อมน้ำเหลืองกระเพาะปัสสาวะ รักษาโดยเคมีบำบัด เพื่อประคองให้ผู้ป่วยมีชีวิตที่ดีและมีเวลาอยู่ได้นานขึ้น โอกาสหายน้อยมาก
          การตรวจหามะเร็งปากมดลูกจึงสำคัญมากเพราะถ้าตรวจหามะเร็งปากมดลูกจึงสำคัญมากเพราะถ้าตรวจพบเร็วเท่าใดโอกาสรักษาหายก็มีมากขึ้นเท่านั้น ปัจจุบันมีการตรวจภายในที่สะดวก รวดเร็วเพื่อเก็บเนื้อเยื่อเพียงเล็กน้อยเพื่อตรวจว่าเซลล์จากตัวอย่างเนื้อเยื่อนั้นมีความผิดปกติหรือไม่ การตรวจคัดกรอง แพปสเมียร์ (PAP SMEAR) เพื่อหาเซลล์ว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่เป็นการตรวจที่สะดวกและเป็นที่นิยมในปัจจุบัน แนะนำตรวจปีละครั้ง
          การตรวจหา DNA ของเชื้อ HPV เป็นการตรวจที่ละเอียดมากขึ้น 99-100% สามารถตรวจพร้อมๆ กันทั้งสองแบบในครั้งเดียว ถ้าตรวจแล้วไม่พบความผิดปกติไม่มีเชื้อก็จะมั่นใจได้ สามารถยืดระยะเวลาเป็น 3 ปีครั้ง
          การตรวจแบบคอลโปสโคป (Colposcopy) คือ ตรวจโดยการส่องกล้อง ปกติแนะนำในผู้ป่วยที่มีเซลล์ผิดปกติแล้ว
          ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์และควรตรวจเป็นประจำ ก่อนการตรวจควรเตรียมตัว โดยการงดการล้างหรือเหน็บยาใดๆ ที่ช่องคลอด 24-48 ชั่วโมง ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ก่อนตรวจ 1 วัน ควรมาตรวจหลังมีรอบเดือน 1 สัปดาห์
          เชื้อ HPV จะมี 2 ประเภทคือ เชื้อแบบที่ไม่ก่อมะเร็งแต่ทำให้เกิดหูดหงอนไก่ และเชื้อแบบที่ก่อมะเร็งซึ่งมีหลายสายพันธุ์ จึงมีการนำเชื้อสายพันธุ์ที่ก่อมะเร็งและพบบ่อย (ชนิดที่ 16, 18) มาทำวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก
          วัคซีน HPV สามารถฉีดได้ตั้งแต่ผู้หญิงที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ซึ่งจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้สูงกว่าและนานกว่ามีประสิทธิภาพดีป้องกันได้ 70% ช่วงอายุที่แนะนำคือ 9-26 ปี ส่วนผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์แล้ววัคซีนจะป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์ที่ยังไม่เคยมีการติดมาก่อนและการติดเชื้อซ้ำในสายพันธุ์เดิม จึงยังได้ประโยชน์จากการป้องกันมะเร็งปากมดลูกการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกฉีดทั้งหมด 3 เข็ม ครั้งที่ 2 หลังจากครั้งแรก 1-2 เดือน และครั้งที่ 3 หลังจากครั้งแรก 6 เดือน จากงานวิจัยปัจจุบันซึ่งตามมาประมาณ 10 ปี ยังไม่แนะนำให้มีการฉีดซ้ำเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
          ปัจจุบันมีวัคซีนในตลาด 2 ชนิด ชนิดแรกเป็นวัคซีนสายพันธุ์ 16 และ 18 เน้นป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่มีสาเหตุมาจากสายพันธุ์ก่อมะเร็ง สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้สูงกว่าและนานกว่า อีกชนิดคือ วัคซีน 4 สายพันธ์ (16, 18, 6 และ 11) ป้องกันมะเร็งปากมดลูกและหูดอวัยวะเพศ จะเลือกชนิดใดควรปรึกษาแพทย์
          การป้องกันมะเร็งปากมดลูก สามารถทำได้โดยการลดพฤติกรรมเสี่ยงและการตรวจแพปสเมียร์อย่างสม่ำเสมอตลอดจนการฉีดวัคซีน HPV หากทำร่วมกันทั้งสองวิธีจะได้ผลดีที่สุดในการป้องกันมะเร็งปากมดลูก
          ขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลธนบุรี 2


pageview  1206158    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved