เมื่อพูดถึงฟัน แม้จะเป็นส่วนที่แข็งแรง แต่ก็ไม่ควร    มองข้าม โดยเฉพาะฟันของเจ้าตัวน้อย ปัจจุบันพบเด็กมีปัญหาเรื่องฟันกันมากขึ้น บอกเล่าได้จาก ทพ.ญ.เอมอร ฤทธี (คุณหมอนุ่น) ทันตแพทย์และผู้บริหารกรีนเด็นทัลคลินิค เด็กไทยส่วนใหญ่ที่มาหาทันตแพทย์ มักมีอาการปวดฟันหรือเหงือกเป็นหนอง เนื่องจากมีรากฟันผุๆ และจำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยการถอนฟันออก สาเหตุหนึ่งมาจากผู้ปกครองบางกลุ่มไม่ค่อยพาเด็กมาตรวจสุขภาพในช่องปาก รวมไปถึงขาดความรู้ความเข้าใจในการดูแลสุขภาพช่องปากของลูกน้อย
          "การทำความสะอาดฟันควรเริ่มตั้งแต่เมื่อฟันคู่แรกของเด็กขึ้นมาในปาก เมื่อเด็กมีฟันขึ้นหลายซี่ควรหัดให้เด็กชินกับการใช้แปรงสีฟันขนาดเล็ก การทำความสะอาดฟันเด็ก พ่อหรือแม่ควรเป็นผู้ทำให้ ไม่ควรให้เด็กทำเอง จนกว่าเด็กจะโตมาก และเข้าใจวิธีการแปรงฟันและสามารถแปรงฟันได้ถูกต้อง การแปรงฟันนั้นดูจะเป็นของธรรมดา แต่เกือบจะทุกคนไม่เคยให้ความสำคัญและไม่ให้เวลาอย่างพอเพียง แปรงฟันแบบรีบๆ แล้วก็เสร็จไป แต่เศษอาหารก็มิได้ถูกขจัดให้หมดไป ดังนั้นโอกาสที่จะทำฟันให้ผุก็ยังเกิดขึ้นได้เสมอ"
          สำหรับการแปรงฟันให้เด็กนั้น ทันตแพทย์ท่านนี้แนะนำว่า ควรให้เวลายาวสักนิด เพราะระยะแรก ๆ เด็กคงไม่ชอบเท่าใดนัก แต่พ่อแม่ไม่ควรตามใจเด็ก ควรหัดให้เด็กเคยชินที่จะได้รับการแปรงฟันจนสะอาด ซึ่งจะได้ติดเป็นนิสัยเด็กตลอดไป แปรงสีฟันที่ใช้กับเด็กควรเลือกขนาดที่พอเหมาะกับปากของเด็ก และมีขนแปรงที่อ่อนนุ่ม ข้อสำคัญของการแปรงฟันที่ถูกต้อง อยู่ที่ว่าต้องแปรงที่ฟันทุกๆ ซี่ๆ ละหลายครั้ง และแปรงโดยวิธีที่ถูกต้อง
          "วิธีที่ถูกต้องมีหลักง่ายๆ อยู่นิดเดียว คือ ให้เริ่มแปรงด้วยการวางขนแปรงไว้บริเวณที่เหงือกต่อกับตัวฟัน แล้วแปรงโดยการปัดขนแปรงผ่านตัวฟันและซอกฟันเข้าหาส่วนบดเคี้ยวของตัวฟัน หรือจะจำง่ายๆ ว่าฟันบนปัดขนแปรงลงล่าง ฟันล่างปัดขนแปรงขึ้นบนการปัด     ขนแปรงโดยวิธีนี้จะทำให้เศษอาหารที่ติดอยู่บนตัวฟันและตามซอกฟัน   หลุดออกหมด สำหรับด้านบดเคี้ยวด้านบนของตัวฟัน ก็ใช้ขนแปรงถูไปถูมา หลายๆ ครั้ง เพียงเท่านี้ฟันและสุขภาพช่องปากของเด็กไทย ก็จะแข็งแรงมากขึ้น และมั่นเข้าพบทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือน หรืออย่างน้อย ปีละครั้งนะคะ" ทพ.ญ.เอมอรฝาก