HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
ผู้จัดการรายวัน [ วันที่ 06/10/2564 ]
ถึงคิวเด็กเล็ก เยียวยาโควิด2พัน6.6แสนคน

  4จว.ใต้อ่วมติดเชื้อพุ่ง ถึงคิวเด็กเล็ก เยียวยาโควิด2พัน6.6แสนคน
          ผู้จัดการรายวัน360 - ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9,869 ราย เสียชีวิต 92 คน ครม. มติเห็นชอบจัดซื้อ "แอสตร้าเซนเนก้า" จากฮังการี 4 แสนโดส และรับบริจาค "แอสตร้าฯ" จากเยอรมนี 3.4 แสนโดส "ไฟเซอร์" จากไอซ์แลนด์ 1 แสนโดส ส่งมอบภายใน ต.ค.นี้ พร้อมอนุมัติงบ 1.3 พันล้าน เยียวยาเด็กเล็กคนละ 2 พันบาท ครอบคลุม 6.6 แสนคน และโครงการจ้างบุคลากรทางการแพทย์รองรับโควิดวงเงิน 4.3 พันล้านบาท ส่วน 4 จังหวัดชายแดนใต้ โควิดอ่วม ป่วยใหม่เฉียด 2 พัน 'หมอสุภัทร' ชี้ทางรอดต้องเพิ่มวัคซีน
          วานนี้ (5 ต.ค.) ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์การติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศ พบมีผู้ป่วยรายใหม่ 9,869 ราย เสียชีวิต 92 คน ยอดผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 รวม 1,657,231 ราย หายป่วยหายป่วยแล้ว 1,531,655 ราย เสียชีวิตสะสม 17,203 ราย โดย 3 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุด 3 อันดับแรกได้แก่ กรุงเทพฯ 1,224 ราย, สมุทรปราการ 577 ราย และ ชลบุรี 555 ราย
          ครม.ไฟเขียว ซื้อ แอสตร้า จากฮังการี
          นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กรมควบคุมโรค จัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าจากประเทศฮังการี จำนวน 400,000 โดส พร้อมอนุมัติให้อธิบดีกรมควบคุมโรคเป็นผู้ลงนามในร่าง Bilateral Agreement และร่าง Tripartite Agreement ระหว่างฮังการี ไทย และแอสตร้าเซนเนก้า โดยสาระสำคัญของทั้ง 2 ร่างดังกล่าว ประกอบด้วย การขนส่งวัคซีน กรรมสิทธิ์และความเสี่ยง การรักษาความรับ และกฎหมายที่ใช้บังคับ เป็นต้น
          "การจัดซื้อวัคซีนเพิ่มเติม เป็นไปตามแผนการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ครบ 126.2 ล้านโดส มั่นใจว่า ปีนี้จะสามารถฉีดวัคซีนให้ได้ 70% ของประชากรกลุ่มเป้าหมายภายในเดือน ธ.ค. 64"
          พร้อมกันนี้ ครม.ยังมีมติเห็นชอบให้รับการสนับสนุนวัคซีนโควิด-19 จากไอซ์แลนด์และเยอรมนี โดยไอซ์แลนด์ มีประสงค์จะบริจาควัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 100,000 โดส โดย รมว. และเยอรมนีจะบริจาควัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 346,100 โดส ซึ่งคาดว่าทั้ง ไอซ์แลนด์และเยอรมนี จะสามารถส่งมอบวัคซีนได้ภายในเดือน ต.ค.นี้
          ขณะที่ในวันนี้ (6 ต.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีน ไฟเซอร์ให้กับเด็ก/เยาวชนที่โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี กรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างความมั่นใจในการเปิดภาคเรียนที่ 2/2564 ด้วย
          เคาะงบ 4.3 พัน ล.จ้างบุคลากรแพทย์เพิ่ม
          น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบภายใต้พระราชกำหนดเงินกู้ฯ ในหลักการโครงการจ้างแพทย์ พยาบาลวิชาชีพ และสายงานบริการทางการแพทย์อื่น เพื่อรองรับสถานการณ์โรคโควิด-19 ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ด้วยกรอบวงเงินรวม 4,335 ล้านบาท เพื่อเพิ่มบุคลากรในการดูแลรักษาผู้ป่วยของหน่วยบริการสาธารณสุขทั่วประเทศ และรองรับการเข้าถึงบริการทางการแพทย์แก่ผู้ป่วย โควิด-19 และประชาชนชนทั่วไป โดยให้ สธ. พิจารณากำหนดจำนวนกรอบอัตรากำลังที่จะจ้างงานภายใต้โครงการฯ ให้เป็นไปตามความเหมาะสม จำเป็น และสอดคล้องกับข้อเท็จจริงในแต่ละพื้นที่
          ครม.อนุมัติงบ 1.32 พัน ล.จ่ายเยียวยาเด็กเล็ก
          ขณะเดียวกัน ครม. ยังได้อนุมัติกรอบวงเงิน 1,320 ล้านบาท ภายใต้พระราชกำหนดเงินกู้ฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อใช้ในโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระ ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการระบาดของโควิด-19 สำหรับการช่วยเหลือเด็กเล็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จำนวน 660,318 คน ในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวม 18,540 แห่ง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยจ่ายเป็นเงินเยียวยาลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของผู้ปกครองในสถานการณ์โควิด-19 รายละ 2,000 บาทต่อคน ซึ่งจะทำให้กลุ่มเป้าหมายของโครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรม ส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเพิ่มขึ้นเป็น 1,389,722 คน (จากเดิมที่ไม่ครอบคลุมเด็กเล็ก) และกรอบวงเงินโครงการเพิ่มขึ้นเป็น 2,779 ล้านบาท
          โดยการขยายกลุ่มเป้าหมายครั้งนี้ จะช่วยบรรเทาภาระและผลกระทบทางด้านค่าใช้จ่ายของพ่อแม่ผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบทางด้านรายได้ ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จัดส่งรายชื่อให้กระทรวงศึกษาธิการตรวจความซ้ำซ้อนกับกลุ่มเป้าหมายโครงการ และจัดทำฐานข้อมูลรายชื่อและจำนวนนักเรียนในแต่ละระดับให้เป็นปัจจุบัน
          4 จังหวัดชายแดนใต้ ป่วยใหม่เฉียด 2 พัน
          รายงานข่าวจากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดใน 4 จังหวัดภาคใต้ยังน่าเป็นห่วง วันที่ 5 ต.ค. พบผู้ป่วยรายใหม่ 1,890 คน จ.ปัตตานี 530 คน สงขลา 468 คน นราธิวาส 461 คน และ จ.ยะลา 431 คน และคาดว่าสถานการณ์นี้ยังเกิดขึ้นตลอดปี 2564 ซ้ำเติมพื้นที่ชายแดนภาคใต้ที่เกิดสถานการณ์ความไม่สงบอยู่แล้ว
          รายงานแจ้งเพิ่มเติมว่า นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.รพ.จะนะ จ.สงขลา ประธานชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กว่า ระบาด หนักมาก มีคนถามผมว่า แล้วทำอย่างไรให้จะนะ และสามจังหวัดชายแดนภาคใต้สถานการณ์ดีขึ้น คำตอบว่า "วัคซีน" ถ้ายังมีน้อยมาน้อย ก็ขอวัคซีนจะนะเพิ่มจากปกติที่ได้รับจัดสรรสัก 10,000 โดส อำเภออื่นๆ ด้วยจึงจะเอาอยู่
          จี้ "ซิโนฟาร์ม-ซิโนแวค" ขอเอกสารฉีดวัคซีนเด็กเล็กเพิ่ม
          นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้รับหนังสือรับรองการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากบริษัทผู้ผลิตวัคซีนซิโนฟาร์ม ที่นำเข้าโดยบริษัท ไบโอเจนเนเทค แต่ยังต้องรอข้อมูลผลการใช้วัคซีนกับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป ซึ่งมีการทดลองในระยะที่ 3 อยู่ และวันนี้ ก็ได้ทำนัดกับบริษัท ไบโอเจเนเทค ให้เข้ามาหารือร่วมกันแล้ว ขณะเดียวกัน องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ที่ได้รับอนุญาตนำเข้าวัคซีนซิโนแวค ก็ยัง ไม่ได้ส่งเอกสารเพิ่มเติมเข้ามาเช่นกัน แต่ก็มีการพูดคุยกับทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประจำอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม อย.ก็ได้ส่งหนังสือไปแจ้งทั้ง 2 ผู้ได้รับอนุญาตให้นำเอกสารมาส่งแล้วถึง 2 ครั้ง
          "การประเมินวัคซีนต้องดูความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ต้องดูข้อมูลว่า ฉีดเด็กแล้วมีความปลอดภัย มีภูมิในการป้องกันโรคได้เพียงพอ โดยเฉพาะเชื้อเดลต้าด้วย ซึ่งไม่เหมือนในผู้ใหญ่ เพราะเด็กตัวเล็กกว่า ประสิทธิภาพในเด็กจะป้องกันได้หรือไม่ เทียบกับประโยชน์ที่ได้รับ เพราะโอกาสเด็กเป็นโรคจะน้อยกว่าผู้ใหญ่อยู่แล้ว อย่างในผู้ใหญ่ฉีดแล้วลดอัตราเสียชีวิตได้ชัดเจน ก็ต้องดูว่าในเด็กชัดเจนหรือไม่ ข้อมูลเหล่านี้เขาต้องนำมาแสดง" นพ.สุรโชค กล่าว
          นพ.สุรโชค กล่าวถึงการฉีดในเด็กอายุน้อย ว่า ในต่างประเทศเองก็ยังอยู่ในการทดลอง มีฉีดอยู่ไม่กี่ประเทศ ยังไม่ได้ฉีดทั่วไปในประเทศอื่น ส่วนกรณีที่วัคซีนยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนให้ใช้กับผู้อายุ 3 ปีขึ้นไปในประเทศผู้ผลิต ก็ไม่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาขึ้นทะเบียนในประเทศไทย เพียงแต่โดยปกติแล้วการขึ้นทะเบียนก็คงไม่ขึ้นในต่างประเทศก่อน แต่ข้อมูลทั้งหมดก็เป็นชุดเดียวกันที่นำไปยื่นอนุญาตที่อื่นๆ เช่น องค์การอนามัยโลก องค์การอาหารและยา แห่งสหรัฐอเมริกา (เอฟดีเอ) หรือในไทยด้วย
          "มท." สั่งทุก จว.พร้อมฉีดไฟเซอร์เด็ก 12 ปีขึ้นไป
          นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรมควบคุมโรคในฐานะเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อ แห่งชาติ ได้แจ้งแนวทางการดำเนินงานเตรียมความพร้อมให้บริการวัคซีน Pfizer สำหรับนักเรียน และนักศึกษา อายุ 12 ปีขึ้นไป ที่ศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า โดยศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) ได้แจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามแนวทางฯ ของกรมควบคุมโรค ได้แก่
          1. ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดประสานการจัดบริการให้วัคซีน Pfizer สำหรับนักเรียนและนักศึกษา ในรูปแบบการให้บริการวัคซีนผ่านสถาบันการศึกษา โดยหากนักเรียนและนักศึกษาในสถาบันการศึกษาดังกล่าวมีอายุเกิน 18 ปี ให้รับวัคซีน Pfizer ได้พร้อมกับนักเรียนร่วมสถาบันการศึกษา และหากกรณีที่นักเรียนและนักศึกษาไม่สามารถเข้ารับวัคซีนผ่านสถานศึกษาได้ ให้พิจารณาจัดหาช่องทางการเข้าถึงวัคซีนตามความเหมาะสม
          2. แจ้งแผนการจัดส่งวัคซีน Pfizer สำหรับนักเรียนและนักศึกษา อายุ 12 ปีขึ้นไปที่ศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่าให้แก่โรงพยาบาลจังหวัดและอำเภอ สำหรับการให้บริการช่วง 2 สัปดาห์แรก โดยจะแจ้งการจัดส่งวัคซีน Pfizer สำหรับนักเรียน/นักศึกษา ในสัปดาห์ที่ 3 และ 4 ของเดือน ต.ค. 64 ในภายหลัง
          3. ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ประสานศึกษาธิการจังหวัดหรือหน่วยงานต้นสังกัดของสถานศึกษา เพื่อทราบจำนวนกลุ่มเป้าหมายการรับวัคซีน และแจ้งจำนวนนักเรียนที่ประสงค์รับวัคซีน รวมทั้งโรงพยาบาลที่จัดส่งวัคซีนไปยังกรมควบคุมโรค เพื่อใช้ในการพิจารณาจัดส่งวัคซีนต่อไป
          4. ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด พิจารณาให้บริการวัคซีนโควิด-19 สำหรับบุคลากรทางการศึกษาที่ยังไม่ได้รับวัคซีนให้ครบถ้วน.


pageview  1204957    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved