|
|
|
ผู้จัดการรายวัน [ วันที่ 25/07/2562 ] |
|
|
|
|
โรคแบคทีเรียกินเนื้อคนระบาด คนน่านตาย1เข้าโรงพยาบาล26นอนไอซียู3 |
|
|
|
|
แพทย์เตือนภัยชาวนา..ระวังโรคเนื้อเน่าหนังเน่า หรือแบคทีเรียกินเนื้อคน กำลังระบาดช่วงหน้าฝน พบคนน่านป่วยเพิ่ม ถูกส่งเข้าโรงพยาบาลรวม 26 ราย ต้องนอนห้องไอซียู 3 ในจำนวนนี้เสียชีวิต 1 รายแล้ว ระวังรักษาไม่ทันมีสิทธิ์ตายได้
นายแพทย์ พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลน่าน เปิดเผยสถานการณ์ที่มีผู้ป่วยติดเชื้อแบคทีเรียเป็นโรคเนื้อเน่าหนังเน่า ที่เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลน่าน ว่าล่าสุดมียอดผู้ป่วยจำนวน 26 ราย มีอาการทรุดหนักต้องเข้าห้องไอซียู เพื่อดูอาการอย่างใกล้ชิด 3 ราย โดยผู้ป่วยใน ห้องไอซียู เสียชีวิตแล้ว 1 ราย โดยผู้ป่วยมีอาการ เป็นไข้ เท้าบวมแดง มีแผลตุ่มพุพอง ลุกลามเป็นบริเวณกว้าง และมีอาการรุนแรง-ติดเชื้อ
ทั้งนี้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีประวัติลงดำนา ลุยโคลน และโดนหอย หรือเศษแก้วบาด เศษไม้ตำเท้า แล้วไม่ได้ทำแผล หรือรักษาใดๆ เนื่องจากต้องทำนาให้เสร็จ เมื่อเกิดบาดแผล หรือรอยถลอกบนผิวหนัง จะทำให้เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกาย ในรายที่รุนแรงเชื้อแบคทีเรียจะลงลึกกินทั้งชั้นผิวหนังทำให้มีภาวะเนื้อตาย และอาจจะมีการติดเชื้อเข้ากระแสเลือด จนเสียชีวิตได้
สำหรับโรคเนื้อเน่านี้ ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อโรคทั้งชนิดที่ไม่ใช้ออกซิเจน เช่น คลอส ติเดียม และเชื้อชนิดใช้ออกซิเจน เช่น สแตป ฟิโลคอคคัส สเตรปโตคอคคัส ชนิดที่สามารถสร้างสารพิษได้ โดยอาการจะมีผิวหนังบวมแดงร้อน ถ้าเชื้อลงลึกกินทั้งชั้นผิวหนังจะพบตุ่มพุพอง และค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีม่วง และถ้าเนื้อตายจะกลายเป็นสีดำ บางรายอาจจะต้องตัดขา หรืออาจจะมีการติดเชื้อเข้ากระแสเลือด ไข้สูง และทำให้เสียชีวิต
รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลน่านกล่าวว่า ส่วนใหญ่โรคนี้จะระบาดในฤดูฝน ช่วงที่เกษตรกรลงดำนา ลุยโคลน อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ป่วยบางรายที่ไม่ได้ลงนา หรือไม่มีบาดแผลก็อาจจะติดเชื้อดังกล่าวได้ โดยการเกา หรือมีบาดแผลถลอกเล็กน้อย เชื้อสเตรปโตคอคคัส หรือสแตปฟิโลคอคคัส ที่อยู่บริเวณผิวหนังอาจจะเข้าไปในแผลแล้วเกิดการติดเชื้อ ถ้าผู้ใดมีผิวหนังบวมแดงอย่างรวดเร็ว แล้วมีตุ่มพุพองที่ผิวหนัง แนะนำให้รีบมาตรวจรักษาก่อนที่อาการจะลุกลามจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
สำหรับการรักษานั้น ทางแพทย์จำเป็นต้องตัดเนื้อตายออกให้หมด-ให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อ ซึ่งถ้าเชื้อยังไม่ลุกลามเข้ากระแสเลือดผลลัพธ์ของการรักษาจะค่อนข้างดี
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ติดเชื้อได้ง่ายคือผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำได้แก่ ประวัติดื่มสุราประจำ เป็นโรคตับแข็ง โรคเบาหวาน โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง และการรับประทานยา สเตียรอยด์ ส่วนใหญ่โรคนี้จะระบาดในฤดูฝนในช่วงที่เกษตรกรลงดำนา ลุยโคลน จึงขอเตือนให้ผู้ที่ทำนา ถ้ามีแผลตามร่างกาย ขอให้รีบขึ้นจากโคลน รีบล้างแผลโดยให้น้ำสะอาดไหลผ่าน ซับด้วยผ้าสะอาด และปิดแผล ถ้ามียาฆ่าเชื้อโพวิโดนไอโอดีนสามารถใช้ทาแผลได้ แล้วรีบมาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือโรงพยาบาลใกล้บ้านเพื่อให้ตรวจรักษาต่อไป. |
| | |
|
| |
|
pageview 1204406 |
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO) ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th | | |
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved
|
| |