อีกงานหนึ่งที่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ไม่นิ่งนอนใจ เกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยี ช่วยการเจริญพันธุ์
          เพราะขณะนี้ มีความคืบหน้า ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยี ช่วยการเจริญพันธุ์ พ.ศ.... ที่พยายามที่จะยกร่างแก้ไขใหม่ ให้เด็กที่เกิดจากการรับตั้งครรภ์แทน (อุ้มบุญ) เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของพ่อแม่แท้จริงที่ขอให้มีการตั้งครรภ์แทน แทนการมาขอรับเด็กนั้นเป็นบุตรบุญธรรมในภายหลัง ตามที่เป็นอยู่ในกฎหมายเพ่งปัจจุบัน พ่อแม่ที่ขอให้มีการตั้งครรภ์แทนจะต้องรับผิดชอบต่อหญิงที่รับตั้งครรภ์แทน และเด็กที่จะเกิดมาจากการอุ้มบุญ เช่น การเสียชีวิต พิการ หรือทุพพลภาพ รวมถึงห้ามทำการรับจ้างตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า และเพื่อควบคุมมิให้ดำเนินการโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ในทางที่ไม่ถูกไม่ต้อง
          ทั้งนี้ จะมีข้อห้ามในหลายลักษณะด้วยกัน เช่น- ห้ามทำการซื้อ ขาย นำเข้า หรือส่งออกซึ่งอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน  - ห้ามทำการรับจ้างตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า  - ห้ามหญิงไม่มีสามีทำการผสมเทียมโดยใช้อสุจิบริจาคเพื่อให้ตนมีลูก  - ห้ามการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ในการเลือกเพศเด็ก  - ห้ามทำการโคลนนิ่งมนุษย์ ขณะที่ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวด้วยว่า การแก้ไขเหล่านี้ มีขึ้นเนื่องจากหากไม่มีการควบคุมขอบเขตการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวให้ถูกต้องและเหมาะสมแล้วอาจเกิดการทดลองที่ส่งผลกระทบต่อมวลมนุษยชาติได้ ทั้งนี้ เจตนารมณ์ของร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของเด็ก ขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอเข้าเป็นวาระเพื่อพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
          แม้ว่ากฎหมายฉบับนี้ จะผ่านการประชาพิจารณ์จากองค์กรภาครัฐและเอกชน ถึง 2 ครั้ง จำนวน 163 องค์กรแล้วก็ตาม แต่ยังมีบางประเด็นที่ควรเพิ่มเติม คือ การเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนควรครอบคลุมทั่วประเทศ ขณะนี้ สท. ได้จัดทำแบบสอบถามเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน ในส่วนภูมิภาคและรวบรวมข้อมูลและประมวลผลเพิ่มเติมเพื่อใช้ประกอบการเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ
          ด้านการประกันภัยคุ้มครองหญิงที่รับตั้งครรภ์แทน และเด็กที่เกิดจากการอุ้มบุญ อยู่ระหว่างการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และ สำนักงานประกันภัย (เอกชน) ถึงความเป็นไปได้ที่จะกำหนดให้มีกรมธรรม์คุ้มครองหญิงที่รับตั้งครรภ์แทน กรณีที่อาจทุพพลภาพหรือเสียชีวิตเนื่องจากการตั้งครรภ์ รวมถึงการคุ้มครองเด็ก หากเกิดกรณีเสียชีวิต พิการ หรือทุพพลภาพ หรือเป็นโรคที่รักษายาก เช่น โรคหัวใจโต เป็นต้น  ด้านการพิจารณาอนุญาตให้อุ้มบุญ ควรมีแพทย์พิจารณาตัดสินใจมากกว่าหนึ่งคน ในรูปของคณะกรรมการ โดยอย่างน้อยจะต้องเป็นแพทย์ระดับอาวุโส 1 คน และผู้มีความเชี่ยวชาญทางด้านสูตินรีแพทย์อีก 1 คนด้วย