คนไทยคุ้นเคยกับอาหารจีน ที่มี  4 ลักษณะ คือ หนาว ร้อน อุ่น เย็น และมีรสชาติ 5 ชนิด คือ เปรี้ยว ขม หวาน เผ็ดร้อน เค็ม ซึ่งตามทฤษฎีแพทย์แผนจีนแต่ละรสชาติ จะมีคุณสมบัติและให้คุณค่าที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น อาหารรสเปรี้ยว ช่วยกระตุ้นน้ำ ดับกระหาย ระงับเหงื่อ รสหวานมีสรรพคุณสำคัญด้านการบำรุง รสขมช่วยระบายท้อง แก้ร้อนใน อาหารที่มีลักษณะเย็นเหมาะกับผู้ป่วยธาตุร้อน ส่วนอาหารที่มีลักษณะอุ่นร้อนเหมาะกับผู้ป่วยธาตุเย็น เป็นต้น
          การที่ร่างกายจะดี ต้องดีจากภายใน จึงขึ้นอยู่กับการบริโภคในแต่ละวันด้วย "แพทย์จีนมาลิน ปิยะชินวรรณ" จากสมาคมศาสตร์การแพทย์แผนจีนในประเทศไทย  บอกว่า "อาหารเป็นสาเหตุหลักของความเจ็บป่วย รวมถึงความมีอายุวัฒนะและสุขภาพที่ดี"
          การใช้อาหารหรือสมุนไพรเพื่อรักษาโรคนั้น มีความสัมพันธ์กับระบบการปรับความสมดุลภายในร่างกาย โดยเฉพาะ "โรคมะเร็ง"  ซึ่งมีการศึกษาและคิดค้นมานาน เช่น อาหารหรือสมุนไพรประเภทบำรุงกำลังจะมีความสัมพันธ์กับความสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน อาหารหรือสมุนไพรประเภทลดความร้อน ขับเหงื่อ มีความสัมพันธ์กับการปรับอุณหภูมิของร่างกาย อาหารหรือสมุนไพรประเภทช่วยการไหลเวียน การขับน้ำ การระบาย มีความสัมพันธ์กับความดันของระบบไหลเวียน ความสมดุลระหว่างกรดและด่าง
          "ผู้ป่วยโรคมะเร็งนั้น เนื่องจากสารพิษซึ่งเกิดจากการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง การรักษา และสภาวะทางจิตใจที่วิตกกังวล ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้ระบบย่อยอาหารรวมถึงระบบดูดซึมทำ งานน้อยลง"
          นอกจากนี้ เมื่อระบบย่อยถูกรุกรานจากมะเร็ง เช่น ตับ ถุงน้ำดี และตับอ่อน ยิ่งส่งผลต่อความสามารถในการย่อยอาหารของผู้ป่วย จนทำให้ผู้ป่วยขาดสารอาหารในที่สุด ในกระบวนการที่เซลล์มะเร็งเจริญเติบโตและแพร่กระจายอยู่นั้น เซลล์มะเร็งจะแย่งดูดรับสารอาหารและพลังงานจำนวนมากจากร่าง กาย เมื่อพลังงานและสารอาหารถูกแย่งออกไปเป็นจำนวนมาก แต่ปริมาณการดูดซึมเข้ากลับลดน้อยลง ร่างกายจึงขาดความสมดุล ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการแสดงออกของโรคที่รุนแรงขึ้น
          "อาหารและสมุนไพรสำหรับผู้ป่วย" มีสรรพคุณให้กับร่างกายได้มาก กว่าที่คิด แต่หากใช้วิธีรักษาด้วยอาหารและสมุนไพรแบบจีน ไม่เพียงแต่สามารถชดเชยสารอาหารที่สูญเสียไป แต่ยังสามารถอาศัยสรรพคุณในการเสริมภูมิคุ้มกันของสมุนไพรมาช่วยในการรักษาโรคมะเร็งได้ สนใจรู้เรื่องของอาหารและสมุนไพรสำหรับผู้ป่วย แวะเวียนไปหาความรู้เพิ่มเติมได้ที่ อาคารเฉลิมพระบารมี ซ.ศูนย์วิจัย วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์นี้