"ผศ.พญ.ภาวิณีฤกษ์นิมิตร"แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และคณะอนุกรรมการวิชาการ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าโรคอ้วนมีผลเสียโดยตรงกับผิวหนัง ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของผิวหนังของผู้ป่วยโรคอ้วนมักจะมีการสูญเสียน้ำมากกว่าคนปกติ ทำให้เกิดอาการผิวแห้งแดงอักเสบได้ง่าย หรือบางครั้งเมื่ออยู่ในที่อบอ้าวจะมีเหงื่อออกมากเนื่องจากมีชั้นไขมันที่หนา ทำให้เกิดความอับชื้นบริเวณซอกพับของร่างกายได้มาก ทำให้การระบายของเสียกลับเข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิตทางหลอดเลือดน้ำเหลืองไม่สะดวก เกิดมีเส้นใยคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ไม่แข็งแรง หากเป็นแผลจะทำให้แผลหายช้ากว่าคนปกติทั่วไป และยังพบว่ามีอัตราการไหลเวียนเลือดที่มาเลี้ยงผิวหนังเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีปริมาณไขมันมากเส้นเลือดฝอยที่ผิวหนังหดและมีการขยายตัวที่ผิดปกติ
          โรคผิวหนังที่พบบ่อยในผู้ป่วยที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน ผิวหนังจะเป็นปื้นดำหนาขรุขระดูคล้ายผ้ากำมะหยี่ พบบ่อยที่บริเวณซอกพับของร่างกาย บางครั้งจะมีติ่งเนื้อจำนวนมากบริเวณซอกพับ พบควบคู่ไปกับปื้นดำดังกล่าวข้างต้น เช่น รักแร้ หลังคอ ข้อพับแขน หาก
          เป็นมากอาจพบที่บริเวณใดก็ได้ เช่น ใบหน้าและหลังมือ เรียกชื่อโรคว่า Acanthosisnigricans
          เมื่อลดน้ำหนักแล้วจะพบว่าโรคผิวหนังส่วนใหญ่จะมีอาการดีขึ้นเช่น ปื้นดำที่ผิวหนังจะบางลง ขนคุดราบลงได้บ้าง โอกาสการติด
          เชื้อและผื่นผิวหนังอักเสบจากการเสียดสีจะลดลงได้มากเห็นไหมว่า ความอ้วนนอกจากจะส่งผลร้ายกับระบบต่างๆ ภายใน เช่นเกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูงแล้ว ผิวหนังซึ่งห่อหุ้มร่างกายอยู่ภายนอก ยังมีการเปลี่ยนแปลงได้มาก ดังนั้นการลดความอ้วน
          อย่างถูกวิธี ทำให้มีน้ำหนักตัวที่เหมาะสม จึงช่วยรักษาสุขภาพได้จากภายในสู่ภายนอกร่างกาย ส่งผลต่อเนื่องให้มีสุขภาพจิตที่สมบูรณ์อีกด้วย
          มาลดความอ้วนกันเถอะ