...ทีมข่าวต่างประเทศ
เรียกว่าสร้างความฮือฮาจนสั่นสะเทือนไปทั้งวงการหนังผู้ใหญ่ทั่วโลก เมื่อมูลนิธิเอดส์ เฮลธ์แคร์ กองทุนช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ประกาศว่า นับตั้งแต่นี้ต่อไป นักแสดงหนังหวาบหวิวที่ต้องทำงานหาเลี้ยงชีพตนเองด้วยการบรรเลงลีลารักสุดร้อนแรงผ่านหน้าจอในนครลอสแองเจลิสของสหรัฐ ต้องสวมถุงยางขณะทำงานทุกคน!
คำประกาศดังกล่าว เกิดขึ้นภายหลังจากที่มูลนิธิเอดส์ เฮลธ์แคร์ใช้เวลากว่า 6 ปีวิ่งเต้นรวบรวมรายชื่อจำนวน 7.1 หมื่นชื่อ เพื่อขอยื่นคำร้องให้มีการลงประชามติของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเห็นชอบให้มีการร่าง
กฎหมายบังคับ ให้นักแสดงสวมถุงยางอนามัยในการถ่ายทำหนังที่ลอสแองเจลิส เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
และทันทีที่นายกเทศมนตรีอันโตนิโอวิลลาไรโกซา ของนครลอสแองเจลิส ลงนามอนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าว หลังผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการของเมืองแล้ว เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา กฎหมายฉบับนี้จึงมีผลบังคับใช้ภายใน 40 วันนับตั้งแต่นี้ เป็นต้นไป
กฎหมายฉบับนี้ สร้างเสียงชื่นชมจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่ต้องการยับยั้งการแพร่ขยายของเชื้อเอชไอวีเป็นอย่างมาก เพราะหากสังเกตจากรายงานการสำรวจผู้ติดเชื้อเอดส์ประจำปีของกระทรวงสาธารณสุขในนครลอสแองเจลิส เมื่อปี 2553 จะพบว่ามีประชาชนที่อาศัยอยู่ในแอลเอที่เดียวมากกว่า 2.6 หมื่นคน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเมื่อ 10 ปีที่แล้วหลายเท่าตัว โดยในจำนวนนั้นส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เคยโลดแล่นอยู่ในวงการหนังปลุกใจเสือป่ามาแทบทั้งสิ้น
เหตุเพราะลอสแองเจลิสได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งอุตสาหกรรมหนังโป๊ที่ใหญ่ที่สุดแห่ง
หนึ่งในโลก เพราะหากคิดจากจำนวนหนังปลุกใจเสือป่าที่อยู่ในตลาดนั้นกว่า 90% ถ่ายทำที่เมืองซานเฟอร์นันโด วัลเลย์ เมืองชนบทเล็กๆ อันเงียบสงบในนครลอสแองเจลิส นั่นเอง
ไมเคิล ไวน์สไตน์ ประธานมูลนิธิเอดส์ เฮลธ์แคร์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ร่างกฎหมายนี้กลายเป็นความจริงขึ้นมา พร้อมกับแสดงความชื่นชมทุกคนว่า ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องต่อนักแสดงเหล่านี้แล้ว
ดาร์เรน เจมส์ อดีตนักแสดงหนังหวาบหวิวแถวหน้าวัย 47 ปี ซึ่งต้องอำลาวงการหลังจากตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่า แพร่เชื้อเฮชไอวีให้กับนักแสดงร่วมสาวอีก 3 คน ส่งผลให้กองถ่ายหนังหวาบหวิวนั้นต้องปิดตัวลงไปชั่วคราวเมื่อปี2553 กล่าวว่า ผมรู้สึกดีใจที่ท่านนายกเทศมนตรี
ผ่านความเห็นชอบในกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งสามารถช่วยปกป้องได้อีกหลายชีวิต
"ถึงแม้ว่าพวกเราจะเลือกที่จะอยู่ในวงการนี้เอง แต่คงเป็นเรื่องดีที่ยังมีคนสนใจในความปลอดภัยในสุขภาพของพวกเรา" เจมส์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม กฎหมายฉบับนี้ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์และคัดค้านจากผู้ที่คร่ำหวอดในธุรกิจสุดสยิวนี้อย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน
รอน เจเรมี พระเอกหนังโป๊ตัวพ่อผู้เป็นตำนานวัย 58 ปี กล่าวว่า กฎหมายบังคับให้นักแสดงทุกคนต้องสวมถุงยางขณะทำงานนั้น นอกจากจะถือว่าเป็นการทำลายจินตนาการสุดสยิว
แล้ว ยังจะส่งผลกระทบต่ออนาคตของอุตสาหกรรมหนังปลุกใจเสือป่าในนครลอสแองเจสิสในระยะยาวอีกด้วย
"คนดูต้องหมดอารมณ์อย่างแน่นอนเมื่อต้องเห็นถุงยาง แทนที่จะเห็นภาพกิจกรรมเข้าจังหวะอันสุดเร้าใจ"
"และเมื่อคนดูไม่ชอบในผลงานของเรา พวกเขาก็จะหันไปดูผลงานของที่อื่น เช่น ผลงานของต่างชาติที่ส่วนใหญ่นักแสดงจะไม่สวมถุงยางเมื่อนั้นจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างแน่นอน"เจเรมี กล่าว
เช่นเดียวกับ โดมิโน เพรสลีย์ นักแสดงหนังรักร่วมเพศ มองว่า กฎหมายนี้ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง
"ลูกค้าต้องการเห็นฉากรักอันเร่าร้อน พวกเขาไม่ได้ต้องการเห็นถุงยางสักหน่อย" เพรสลีย์
กล่าว
นอกจากนี้ บางส่วนยังมองว่า กฎหมายฉบับนี้อาจไม่สามารถช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ตามที่ได้ตั้งใจไว้ โดยให้เหตุผลว่ากฎข้อบังคับที่ทางเจ้าของธุรกิจหนังปลุกใจเสือป่าตั้งให้นักแสดงทุกคนต้องตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (เอสทีดี) ทุกๆ 30 วันนั้น เป็นวิธีการที่สามารถช่วยลดการแพร่ระบาดของเอดส์ได้มีประสิทธิภาพอยู่แล้ว
แอลลา ดาร์ลิง นักแสดงหนังสยิวผู้ช่ำชองให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า ในฐานะที่เป็นนักแสดงคนหนึ่ง ฉันเลือกที่จะมีเซ็กซ์แบบไม่ใช้ถุงยาง หรือการป้องกันใดๆ กับคนที่ฉันรู้ว่าได้รับการตรวจ
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เมื่อ 30 วันที่แล้วมากกว่ามีเซ็กซ์แบบป้องกันกับคนที่ฉันไม่รู้ว่าได้รับการตรวจเอสทีดีหรือไม่เสียอีก
ยิ่งไปกว่านั้น กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ต่อนักแสดงหวาบหวิวที่ทำงานในลอสแองเจลิสเท่านั้น ซึ่งถือเป็นช่องโหว่สำคัญที่ทำให้ทีมงานและกองถ่ายสามารถแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดาย ด้วยการย้ายไปถ่ายทำที่อื่นแทน หรือลักลอบถ่ายทำก็เท่านั้นเอง ซึ่งอาจส่งผลให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถตรวจสอบดูแลและควบคุมได้ยากไปอีกเป็นหลายเท่าตัว
นอกจากนี้ผู้ประกอบการหนังผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ไม่ต้องการเสียค่าปรับจำนวนมหาศาลเหมือนดังครั้งที่ "ฮัสต์เลอร์ วิดีโอ" ของราชาหนังโป๊ "แลร์รี ฟลินต์" ถูกสำนักควบคุมความปลอดภัยในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐ เป็นเงินถึง1.41 หมื่นเหรียญสหรัฐ หรือราว 4.3 แสนบาทเลยทีเดียว หลังพบว่าค่ายหนังฮัสเลอร์ละเลยการใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม
นอกจากนี้ ยังถูกปรับฐานละเลยนโยบายการบันทึกอาการเจ็บป่วย หรือบาดเจ็บของนักแสดง และละเลยที่จะจัดหาวัคซีนไวรัสตับอักเสบซีให้แก่ลูกจ้างอีกด้วย
และถ้าหากเจ้าของธุรกิจหนังโป๊เหล่านั้นเกิดแห่ย้ายไปถ่ายทำที่อื่นจริง ก็อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของนครลอสแองเจลิสอย่างแน่นอน
เหตุเพราะธุรกิจถ่ายทำหนังผู้ใหญ่นี้ ก็ต้องจ่ายภาษีเข้าเทศบาลเช่นเดียวกับธุรกิจหนังประเภทอื่นๆ ที่เข้ามาถ่ายทำ โดยจากข้อมูลของนิตยสารฟอร์บส์ของสหรัฐ ระบุว่า อุตสาหกรรมผลิตหนังผู้ใหญ่สามารถทำเงินได้มากถึง 1.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐต่อปี เพราะทุกๆ วินาทีมีเงินมากกว่า 4,000 เหรียญสหรัฐ ถูกใช้ในธุรกิจหนังโป๊ และมีหนังโป๊เรื่องใหม่ถูกผลิตขึ้นมาในทุกๆ 40 นาที ซึ่งเท่ากับว่าลอสแองเจลิสอาจต้องสูญเสียรายได้หลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว
เหตุเพราะมีเงินจำนวนมหาศาลเป็นเดิมพันจึงทำให้กฎหมายฉบับนี้ได้รับการโต้เถียงเป็นอย่างมาก ถึงขนาดมีคนออกมาหาทางออกร่วมกัน ด้วยการผลิต "ถุงยางล่องหน" เลยทีเดียว
เว็บไซต์โกลบแอนด์เมลนิวส์ กล่าวว่า ในขณะนี้หลายฝ่ายกำลังพูดคุยหารือถึงความเป็นไปได้ของการผลิต "ถุงยางล่องหน" เพื่อใช้เป็นถุงยางทางเลือก ที่นอกจากสามารถช่วยป้องกันความปลอดภัยต่อสุขภาพนักแสดงแล้ว ยังทำให้ผู้ชมได้รับความรู้สึกสุดสยิวอย่างเต็มรูปแบบเหมือนเดิมอีกด้วย
เรียกว่าเป็นการสร้างความประนีประนอม ที่ทำให้ผู้รักการชมหนัง AV สุดสยิวทั้งหลายมีแต่ได้กับได้จริงๆ