นายมาณพ ชิวธนาสุนทร ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุนกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ได้รับงบฯจากองค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (NEDO)ประเทศญี่ปุ่น ประมาณ 30 ล้านบาทเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีตรวจวัดสารไดออกซินในประเทศไทยต่อเนื่องจากระยะที่ 1 สู่ระยะที่ 2 โดยได้ขยายขอบเขตการตรวจสอบสารดังกล่าวเข้าไปในดิน น้ำ และอาหาร จากเดิมตรวจสอบเพียงแค่ในอากาศ เพื่อให้อุตสาหกรรมทุกภาคส่วนสามารถเข้ารับการตรวจสอบได้อย่างสมบูรณ์แบบมีบริษัท ไอเดีย คอนซัลแทนส์ จำกัดจากญี่ปุ่น เข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ถ่ายทอดเทคโนโลยี

          เบื้องต้นเป็นเพียงการตรวจสอบเพื่อบอกปริมาณสารไดออกซินที่ปนเปื้อนเท่านั้น ยังไม่สามารถใช้เป็นมาตรฐานได้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมที่สนใจสามารถติดต่อขอให้ตรวจสอบได้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ภายหลังโครงการระยะที่ 2 จะจบลงในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ จึงเตรียมเสนอองค์การเนโดพิจารณายกระดับการตรวจสอบไดออกซินในไทย    นำเป็นต้นแบบใช้เป็นมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากลได้ตามขั้นตอนจะใช้เวลาพิจารณาข้อเสนอดังกล่าวนับจากนี้ไปอีกประมาณครึ่งปีและจะได้เห็นโครงการระยะที่ 3 ในช่วงปลายปีนี้

          นายมาณพกล่าวว่า หากสามารถออกมาตรฐานรับรองได้ อาจต้องเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบเพื่อรับรองมาตรฐาน แต่ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นจำนวนเท่าไร เพราะค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับประเภทการตรวจสอบว่าเป็นดินน้ำ อากาศ หรืออาหารด้วย

          อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบสารไดออกซินถือว่ามีความสำคัญมากเพราะสารชนิดนี้ตามหลักการแพทย์ถือเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง จากข้อมูลพบว่าในปี 2553 ไทยมีผู้ป่วยมะเร็งเฉลี่ยต่อปี 80,350 คน เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2543 ที่มีผู้ป่วยเฉลี่ยต่อปี 65,250 คน การตรวจสอบจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้ภาคอุตสาหกรรมได้