คนที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ป่วยเบาหวานเท่านั้น หมายถึงทุกคนที่ชอบรับประทานขนมหวาน ผลไม้หวาน น้ำผลไม้ น้ำอัดลมก็จะทำให้อวัยวะในร่างกายเสื่อมเร็วกว่าปกติ เสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง ไขมันสูง เบาหวาน กระดูกพรุน อ้วน เนื้องอก หรือแม้แต่มะเร็งได้
น้ำตาลจะทำให้อาการของโรคที่เป็นอยู่ทวีความรุนแรงขึ้นอีกด้วยไม่ว่าจะป่วยเป็นโรคอะไรก็ตาม เช่น ถ้าเป็นภูมิแพ้ ภูมิแพ้จะรุนแรงเป็น 2 เท่าถ้าเราทานหวานด้วย หรือแม้แต่เป็นไข้หวัดก็จะยิ่งหายยากเพราะเชื้อโรคทุกตัวใช้น้ำตาลเป็นอาหาร ปัญหาสุขภาพของคนไทยส่วนใหญ่ จะเกิดจากการทานหวานมากกว่าอย่างอื่นยกเว้นเด็กปัจจุบันที่มีพฤติกรรมการรับประทานคล้ายคนอเมริกัน ก็จะมีสาเหตุจาก เนื้อ นม ไข่ร่วมด้วยในการเจ็บป่วย
โรค Syndrome X เป็นโรคในบัญญัติทางการแพทย์ของสหรัฐฯ คือกลุ่มอาการอย่างหนึ่งที่ประกอบด้วย โรค 4 โรค
คือ เบาหวาน ความดัน เส้นเลือดหัวใจตีบ คือ เบาหวาน ความดัน เส้นเลือดหัวใจตีบ และอัมพาต โดยทั้ง 4 โรคนี้เกิดจากการทานอาหาร "หวานจัด" ล้วนๆ
ความเชื่อที่ว่าน้ำหวาน น้ำผลไม้หวาน หรือน้ำอัดลม ดื่มแล้วจะสดชื่น และมีพลังงาน แต่ที่จริงแล้วการรับประทานน้ำตาลนั้นจะต้องได้รับในปริมาณที่เหมาะสมถึงจะได้ประโยชน์ สำหรับคนที่ได้รับน้ำตาลมากเกิน น้ำตาลที่มีประโยชน์นั้นจะก่อให้เกิดโทษทันที ตัวอย่างเช่น น้ำผลไม้จะมีประโยชน์หากร่างกายได้รับไม่เกิน 150 มิลลิลิตร หากมากกว่านี้จะเกิดโทษได้ ส่วนกลูโคสที่ดีคือกลูโคสที่เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าว เผือก มัน ข้าวโพด กลูโคสแบบนี้จะค่อยๆ ถูกย่อย ร่างกายจะค่อยๆ ดูดซึม เป็นระยะเวลานานจนกว่าร่างกายจะเอาไปใช้ทัน แต่ถ้าเราได้จากน้ำตาลซึ่งไม่ต้องย่อยเลย พอตกไปถึงท้องก็ถูกดูดซึมทั้งหมด กลูโคสก็ล้นเซลล์ถึงแม้จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายในทันที แต่ภายใน 5-10 ปีร่างกายก็ไม่อาจทนทานได้และเกิดโรคในที่สุด สัญญาณเตือนภัยเมื่อร่างกาย
ได้รับอันตรายจากความหวาน ก็คือน้ำหนักลดยาก เอวใหญ่กว่าสะโพก อยากทานหวานตลอด ถ้าไม่ได้ทานหวานจะหงุดหงิด ตัวบวม ผมร่วง เป็นสิวในผู้ที่มีอายุเกิน 30 ปี ไปจนถึงป่วยจนเป็นโรค เช่น เบาหวาน เส้นเลือดหัวใจตีบ โรคเกี่ยวกับไขมันไตรกลีเซอไรด์ ตับแข็ง ไขมันแทรกในตับ เป็นต้น
ดังนั้น ถ้าไม่อยากป่วยทั้งในปัจจุบันและอนาคต ก็เพลาๆ ความหวานลงบ้าง เพื่อสุขภาพที่ดีจะได้อยู่ไปกับเรานานๆ