กระทรวงสาธารณสุขพร้อมจับมือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกตรวจสถานบริการนวดเพื่อสุขภาพ หากพบมีการขายบริการทางเพศแอบแฝงจะดำเนินคดีอย่างไม่ละเว้น เผยขณะนี้ คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ บังคับสถานประกอบการเพื่อสุขภาพหรือนวดเพื่อสุขภาพ (สปา) ทุกแห่งต้องขึ้นทะเบียนรับอนุญาตจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพเท่านั้น หากไม่ผ่านจัดเป็นสปาเถื่อน
การเคลื่อนไหวข้างต้น มีขึ้นหลังจากที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย นำคลิปวีดิโอภายในอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ย่านสำโรง จังหวัดสมุทรปราการ มาแสดงต่อสื่อมวลชน พร้อมระบุว่า มีสถานบริการลักลอบให้หญิงสาวมาค้าประเวณี ทั้งคลิปนี้ ยังแสดงให้เห็นถึงการลักลอบขายบริการที่ย่านรามอินทรา และถนนเพชรบุรีใกล้กับพรรคเพื่อไทย
ในปัจจุบัน คาดว่า ไทยมีหญิงค้าบริการในประเทศกว่า 1 ล้านคน และใน 1 ล้านคน จะมี 10% หรือประมาณ 1 แสนคน เป็นโสเภณีเด็ก ซึ่งยิ่งมีโสเภณีเพิ่มมากขึ้นเท่าไร อบายมุขก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งสถานการณ์ของผู้ติดเชื้อเอดส์ โดยจากสถิติพบว่าผู้ที่มีอายุระหว่าง 20-39 ปี เป็นกลุ่มที่มีการติดเชื้อเอดส์มากที่สุด 33% ติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ และยังทำให้เกิดการค้ามนุษย์ด้วย
นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องของการป้องกันแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์จากการขายบริการทางเพศ โดยจะร่วมมือกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพบูรณาการการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการเข้าทำการตรวจสอบสถานประกอบการเพื่อสุขภาพที่มีหญิงขายบริการ โดยเฉพาะสปาที่มีบริการนวดเพื่อความงาม นวดผ่อนคลาย
"สถานที่ดังกล่าว กระทรวงสาธารณสุขได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ จะต้องไม่มีบริการขายบริการทางเพศแอบแฝงอย่างเด็ดขาด หากพบจะดำเนินการจับกุมดำเนินคดี และปิดสถานประกอบการเพื่อสุขภาพดังกล่าว"
ทั้งนี้ ตามกฎหมายจะไม่มีการละเว้นใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อให้ผู้รับบริการมั่นใจว่าเมื่อไปใช้บริการแล้ว จะได้บริการที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพจริงๆ ไม่เป็นธุรกิจแฝงการค้าประเวณี ซึ่งจะทำให้ประชาชนทั้งคนไทยและต่างชาติเข้าใจผิดได้
นพ.สมชัย ภิญโญพรพานิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า ปัจจุบัน มีสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานและขึ้นทะเบียนจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 1,436 แห่งทั่วประเทศเท่านั้น ซึ่งกรม สบส. ได้ยกร่าง พ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ นวดเพื่อสุขภาพ นวดเพื่อเสริมสวย หรือที่เรียกว่าสปา เสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้เห็นชอบ
ร่างกฎหมายดังกล่าวจะบังคับให้สถานประกอบการเพื่อสุขภาพทุกแห่งต้องผ่านการรับรองมาตรฐานจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพเท่านั้น หากไม่ผ่านการรับรองจะถือว่าเป็นสถานบริการเพื่อสุขภาพเถื่อนตามกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งวันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว โดยต่อไปกรมสนับสนุนบริการสุขภาพจะส่งร่างเข้าสู่ที่คณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อให้ความเห็นชอบ และจะมีผลบังคับใช้ทางกฎหมายทันที หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งจะทำให้กรม สบส.สามารถจัดระเบียบสถานประกอบการเพื่อสุขภาพได้อย่างชัดเจนตามเจตนารมณ์ในกฎหมายดังกล่าว