HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
กรุงเทพธุรกิจ [ วันที่ 29/04/2564 ]
9จังหวัด งัดเคอร์ฟิวคุม จับ-ปรับ 13 ราย ไม่ใส่แมสก์ 65 จังหวัดเข้มสูงสุด

   นายกฯสั่งเลื่อนรายงานตัว 'ทหารใหม่' 45,128 นาย
          กรุงเทพธุรกิจ   9 จังหวัดงัดเคอร์ฟิวสกัด โควิดลาม ขณะที่ 65 จังหวัดเข้มมาตรการ "สวมใส่หน้ากากอนามัย" ออกนอกเคหสถาน ตร.เผยสถิติจับกุมส่งศาลทั่วประเทศ 13 ราย รวมกรณีนายกฯ กำชับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ควบคู่  "โฆษกศาลยุติธรรม" เผย 8 คดี ศาลปรับตั้งแต่ 1,000-6,000 ขณะที่ รมว.กลาโหม ลงนามคำสั่งเลื่อนรายงานตัวทหารใหม่ 45,128 นาย 2 เดือน
          สถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรคโควิด-19 ที่ลุกลาม ณ ขณะนี้ ส่งผลให้หลายจังหวัดมีการยกระดับมาตรการคุมเข้มขั้นสูงสุดทั้งการกำหนดเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน(เคอร์ฟิว) รวมทั้งการปรับผู้ไม่สวมหน้ากากอนามัย
          วานนี้(28เม.ย.) ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) เปิดเผยรายชื่อจังหวัดที่ขอความร่วมมือประชาชนงดออกนอกเคหสถานจำนวน 9 จังหวัด ประกอบด้วย 1.ตรัง ห้ามออกนอกเคหสถานเวลา 22:00 - 03.00น. 2.นนทบุรี ห้ามออกนอก เคหสถานเวลา 21.00 - 04.00 น. 3.บึงกาฬ ห้ามออก นอกเคหสถาน เวลา 23:00 - 04.00 น. 4.ปทุมธานี ห้ามออกนอกเคหสถานเวลา 21.00 - 04.00 น.
          5.สงขลา ห้ามออกนอกเคหสถาน เวลา 22:00 - 04.00น. 6.สมุทรปราการ ห้ามออกนอก เคหสถานเวลา 21.00 - 04.00 น.7.สมุทรสาครห้ามออกนอกเคหสถานเวลา 23.00 - 04.00น. 8.สุราษฎร์ธานี ห้ามออกนอกเคหสถานเวลา 22.00 - 04.00น. และ 9.อุบลราชธานี ห้ามออกนอกเคหสถานเวลา 23.00 - 04.00น.
          นอกจากนี้ ศบค.มหาดไทย ยังเปิดเผย รายชื่อจังหวัดที่มีการบังคับใช้มาตรการปรับผู้ไม่ใส่ใส่หน้ากากอนามัย ล่าสุดมีจำนวน 65 จังหวัดทั่วประเทศได้แก่
          ภาคกลางและภาคตะวันออก 22 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี (เฉพาะตลาด ตลาดนัด ตลาดน้ำ) ปราจีนบุรี เพชรบุรี สุพรรณบุรี อยุธยาสมุทรสาคร ลพบุรี สมุทรปราการ ประจวบคีรีขันธ์ ชลบุรี สระบุรี ตราด นนทบุรี นครปฐม จันทบุรี กรุงเทพมหานคร ปทุมธานีฉะเชิงเทรา อ่างทอง สระแก้ว นครนายก และนครสวรรค์
          ภาคใต้ 14 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา ภูเก็ต ระนอง สตูล สงขลา ยะลา กระบี่ พัทลุง และชุมพร
          ภาคเหนือ 9 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย ตาก เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ ลำพูน พิษณุโลก เชียงใหม่ นครสวรรค์ และแพร่
          ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด ได้แก่ ยโสธร หนองคาย อุบลราชธานี ชัยภูมิ มหาสารคาม มุกดาหาร ศรีสะเกษ สุรินทร์อุดรธานี เลย อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ นครพนม ขอนแก่น กาฬสินธุ์ และสกลนคร
          สำหรับมาตรการที่หลายจังหวัดได้ออกมามีการกำหนดบทลงโทษ หากผู้ใดฝ่าฝืนถือเป็นความผิดตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท
          ตร.ดำเนินคดีไม่สวมแมสก์ 13 ราย
          พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าออกจากเคหสถานตามประกาศผู้ว่าฯ รวมจำนวน 13 คน ประกอบด้วย พื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลจำนวน 1 คน ในความรับผิดชอบของสถานีตำรวจนครบาลดุสิต เมื่อวันที่ 26 เม.ย. คือคดีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่มีการปรับ 6,000 บาท
          นอกจากนี้ พื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 จำนวน 2 เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ส่งฟ้องศาลแขวงอยุธยา ปรับคนละ 2,000 บาท พื้นที่รับผิดชอบกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 จำนวน 2 คน ในพื้นที่รับผิดชอบของสถานีตำรวจภูธรท่าใหม่จังหวัดจันทบุรี เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ปรับคนละ 6,000 บาท พื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จำนวน 6 คน ในความรับผิดชอบของสถานีตำรวจภูธรธาตุพนม เมื่อวันที่ 27 เมษายน ปรับคนละ 6,000 บาท จำนวน 5 คน ส่วนอีก 1 คน อยู่ระหว่างฟ้องศาล
          พื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 จำนวน 1 คน ในความรับผิดชอบของสถานีตำรวจภูธร เมืองสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 21 เมษายน ส่งศาลแขวงสุราษฎร์ธานี ปรับ 2,000 บาท และในพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 จำนวน 1 คน ในความรับผิดชอบ ของสถานีตำรวจภูธรเมืองปัตตานี เมื่อวันที่ 26 เมษายน ส่งศาลแขวงปัตตานี ปรับ 1,000 บาท
          กำชับจนท.ประชาสัมพันธ์ควบคู่
          นอกจากนี้ ยังพบการกระทำความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ระหว่างวันที่ 1 ถึง 27 เม.ย.จับกุม 186 ครั้ง โดยวันที่ 1 ถึง 8 เม.ย. จับกุม 19 ครั้ง วันที่ 9 ถึง 15 เม.ย.จับกุม 49 ครั้ง วันที่ 16 ถึง 22 เม.ย. จับกุม 29 ครั้ง และวันที่ 23 ถึง 27 เม.ย.จับกุม 89 ครั้ง โดยเป็นความผิด การพนัน 53 ครั้ง มั่วสุม 15 ครั้ง ลักลอบเข้าเมือง 18 ครั้ง และอื่น 3 ครั้ง
          ทั้งนี้ รองผบ.ตร. ยืนยันอีกว่า ช่วงแรกนี้จะเน้นการประชาสัมพันธ์ควบคู่กันไปด้วย ทั้งนี้ พบว่าผู้ว่าราชการจังหวัดได้ออกประกาศเพิ่มเติม รวมบังคับใช้จำนวน 63 จังหวัดแล้ว โดยตำรวจจะเพิ่มความเข้มในการจับกุมเรื่องการมั่วสุม และการฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยเฉพาะที่มีการมั่วสุม การจัดปาร์ตี้ และมั่วสุมเล่นการพนัน เป็นต้น โดยจะนำพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.ควมคุมโรคติดต่อ มาบังคับใช้
          ส่งศาลปรับ8รายไม่ใส่แมสก์
          ด้านนายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม ได้กล่าวถึงภาพรวมของการพิจารณาคดีของศาลยุติธรรมทั่วประเทศกรณีไม่สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่นอกเคหสถานหรือสถานที่พำนักอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศของจังหวัดต่าง ๆ ว่า สำหรับศาลยุติธรรม ที่ได้เริ่มรวบรวมสถิติคดีลักษณะดังกล่าวแล้วนั้น นอกจากที่มีการฟ้องคดีและมีคำพิพากษาไปแล้วในส่วนของศาลแขวงสุราษฎร์ธานี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวน 1 คดี จำเลย 1 คน
          ล่าสุดตั้งแต่วันจันทร์ที่ 26 เม.ย. 2564 มีรายงานคดีเข้ามาอีกในศาลเขตพื้นที่ต่าง ๆ รวม 4 ศาล จำนวน 8 คดีด้วยกัน
          โดยมีศาลจังหวัดเวียงสระ รายงานว่าเมื่อวันที่ 26 เม.ย.2564 มีฟ้องเข้ามา 1 คดี จำเลย 2 คน ศาลลงโทษปรับคนละ 2,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับ 1,000 บาท
          และเมื่อวันที่ 27 เม.ย.2564 มีรายงานว่าที่ศาลจังหวัดเวียงสระมีฟ้องเข้ามาอีก 1 คดี จำเลย 1 คน นอกจากนี้ในวันที่ 27 เม.ย. ยังมีที่ศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา ฟ้อง 2 คดี จำเลยคดีละ 1 คน รวม 2 คน ศาลลงโทษปรับจำเลยคนละ 4,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับคนละ 2,000 บาท
          ศาลจังหวัดยะลาฟ้อง 2 คดี จำเลยคดีละ 1 คน รวม 2 คน ศาลลงโทษปรับจำเลยคนละ 4,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กี่งหนึ่งคงปรับคนละ 2,000 บาท
          และศาลจังหวัดเบตงฟ้อง 2 คดี จำเลยคดีละ 1 คน รวม 2 คน ศาลลงโทษปรับจำเลยคนละ 2,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับคนละ 1,000 บาท
          ชี้ดุลพินิจศาลประเมินค่าปรับ
          สำหรับการลงโทษที่มีข้อแตกต่างกันนั้น เนื่องจากผู้พิพากษาสามารถใช้ดุลพินิจพิจารณาตามพฤติการณ์แห่งคดีของแต่ละคดีซึ่งอาจมีรายละเอียดและความหนักเบาแห่งการกระทำความผิดที่แตกต่างกัน การลงโทษจึงเป็นไปได้ที่จะไม่เท่ากัน
          อย่างไรก็ตามขอย้ำกับประชาชนทั่วประเทศว่าขอให้ติดตามข่าวสาร การประกาศของทางราชการอยู่เสมอเพื่อจะได้ปฏิบัติตามคำสั่งได้อย่างถูกต้องเพื่อความปลอดภัยทั้งของตัวเองและของผู้อื่น
          ในส่วนของศาลยุติธรรมนั้นช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สำนักงานศาลยุติธรรมมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อช่วยสนับสนุนงานการพิจารณาตัดสินคดีของผู้พิพากษา เพื่อลดการเดินทางของคู่ความที่จะต้องเดินทางมาศาลในทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่ในชั้นของการยื่นคำร้อง คำขอต่าง ๆ ไปจนกระทั่งถึงการสืบพยานสามารถดำเนินการผ่านระบบออนไลน์ได้ ซึ่งสำนักงานศาลยุติธรรมได้ออกประกาศแนวทางการปฏิบัติให้ศาลยุติธรรมทั่วประเทศดำเนินการแล้ว
          นายกฯสั่งเลื่อนฝึกทหารใหม่2เดือน
          ส่วนข้อเสนอกระทรวงสาธารณสุขให้เลื่อนการรับ-ฝึกทหารใหม่ออกไปอีก 2 เดือน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ภายหลังกองทัพบก มีกำหนดให้ทหารกองเกินเข้าเป็นทหารกองประจำการผลัดที่ 1/2564 เข้ารายงานตัวเข้ายังหน่วยต่างๆในวันที่ 1 พ.ค.นี้


pageview  1204962    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved