HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
กรุงเทพธุรกิจ [ วันที่ 26/04/2564 ]
สายด่วน สปสช. 1330 ร่วมหาเตียง ผู้ติดเชื้อโควิด-19

 การดูแลผู้ตรวจพบเชื้อโควิด-19 ตามระบบการรักษาพยาบาลและเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดสู่คนรอบข้าง การอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ทั้งที่โรงพยาบาล Hospitel และโรงพยาบาลสนาม ดูเป็นมาตรการปลอดภัยที่สุด แต่ด้วยจำนวนผู้ตรวจพบเชื้อโควิด-19 รายใหม่ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เตียงรองรับในโรงพยาบาลหลายแห่งที่เคยเพียงพอ ต้องถูกจำกัดเฉพาะผู้ติดเชื้อที่มีอาการป่วย ประกอบกับความไม่มั่นใจและความไม่สะดวกสบายในโรงพยาบาลสนาม ที่เกิดการปฏิเสธ ส่งผลให้เกิดปัญหารอคอยเตียงรักษาของผู้ติดเชื้อจำนวนมาก
          หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างเร่งมือร่วมแก้ไขปัญหานี้ ในการจัดหาเตียงสำหรับ ผู้ตรวจพบเชื้อโควิด-19 โดย กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เป็นเจ้าภาพหลัก บริการผ่านระบบ "สายด่วน กรมการแพทย์ 1668 " นอกจากสายด่วน 1646 ศูนย์เอราวัณ กรุงเทพมหานคร แล้ว "สายด่วน สปสช. 1330" สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมประสานจัดหาเตียงให้กับผู้ตรวจพบเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่ วันที่ 10 เมษายน เป็นต้นมา
          นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพ แห่งชาติ กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล มอบให้ สปสช. ร่วมประสานหาเตียง ให้กับผู้ตรวจพบเชื้อโควิด-19 เพื่อแก้ปัญหานี้ ด้วยเล็งเห็นศักยภาพสายด่วน สปสช. 1330 ทั้งนี้ข้อมูลที่ผ่านมาพบว่า ปัญหานี้ส่วนใหญ่ อยู่ใน กทม. และที่บางส่วนยังไม่ได้เตียงเพื่อเข้าสู่ระบบดูแล ไม่ได้เกิดจากจำนวนเตียงที่มีไม่พอตามที่เข้าใจ แต่ด้วยโรงพยาบาลใน กทม. แม้ว่าจะมีอยู่หลายแห่ง แต่สังกัดหน่วยงานต่างกันและมีทั้งเอกชน อาจส่งผลในการประสานงานทำให้เข้าไม่ถึงเตียง ขณะเดียวกันมีบางส่วนไม่ต้องการเข้าสู่โรงพยาบาลสนาม จึงเกิดการตกค้างและรอคอยเตียงว่างจำนวนมาก ต่างจากต่างจังหวัดที่สามารถนำผู้ตรวจพบเชื้อเข้าสู่ระบบได้หมด
          การทำงานร่วมกันสายด่วนทั้ง 3 หน่วยงานที่พยายามจัดหาเตียงว่าง ทำความเข้าใจถึงความจำเป็นเข้าสู่ระบบแม้จะเป็น โรงพยาบาลสนาม ทำให้ลดจำนวนผู้ติดเชื้อที่ตกค้างได้มาก ถือเป็นกลไกมีประสิทธิภาพ ประกอบกับกรุงเทพมหานครเตรียมขยายเตียง รพ.สนาม เพิ่มเติม เชื่อว่าเร็ววันนี้จะสามารถเคลียร์ผู้ติดเชื้อตกค้างใน กทม. ลงได้ โดยมีสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน (สพฉ.) และสำนักเทศกิจ 50 เขต รับหน้าที่ในการเคลื่อนย้ายผู้ตรวจพบเชื้อไปยังโรงพยาบาล
          "จากข้อมูล 1330 เราใช้เวลาประสานนานที่สุด 3 วัน เนื่องจากบางครั้งมีปัญหาว่าท่าน โทรศัพท์มาบอกผลเลือด แต่เราไม่ได้ผลตรวจ ตัวจริงมา ต้องตรวจสอบ กับโรงพยาบาลที่ทำ การตรวจก่อน เพื่อส่งต่อ ข้อมูลให้โรงพยาบาล ปลายทาง ตรงนี้ต้องใช้เวลา ทำให้ผู้ตรวจพบเชื้อ โควิด-19 ต้องรอคอย แต่เจ้าหน้าที่เราทุกคนได้พยายามทำโดยเร็วที่สุด"     นพ.จเด็จ กล่าวว่า ระหว่างรอเตียงนอกจาก ขอให้ผู้ที่ตรวจพบเชื้อกักตัวที่บ้าน ปฏิบัติตัวตาม คำแนะนำกรมควบคุมโรคอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อแล้ว เพื่อเป็นการดูแลต่อเนื่อง กรมการแพทย์และ สปสช. ร่วมจัดบริการให้เจ้าหน้าที่สายด่วนทั้ง 2 หมายเลข โทรหา ผู้ตรวจพบเชื้อโควิด-19 ที่รอ เตียงทุก 6 ชั่วโมง เพื่อแจ้งความคืบหน้าการประสานหาเตียงว่าอยู่ในขั้นตอนใด ขณะเดียวกันเป็นการติดตามอาการผู้ตรวจพบเชื้อด้วย หากพบว่ารายใดที่มีอาการแย่ลง จะมีกลไกสำหรับผู้ป่วยอาการหนักไปรับตัวมารักษาที่โรงพยาบาลโดยเร็ว
          ด้าน พญ.ปฐมพร ศิรประภาศิริ ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า นอกจากบริการสายด่วนข้างต้นในการร่วมหาเตียงให้กับผู้ตรวจพบเชื้อโควิด-19 แล้ว ยังมีแอพพลิเคชัน ไลน์ @sabaideebot ของกรมการแพทย์ อีกหนึ่งช่องทางในการประสานหาเตียงให้กับผู้ตรวจพบเชื้อได้ แต่ทั้งนี้ย้ำว่าไม่ต้องโทรไปที่สายด่วน หลายเลขหมาย เพราะทั้งหมดจะบันทึกในฐานข้อมูลเดียวกัน เพื่อลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล โดยศูนย์เอราวัณจะรับหน้าที่ ในการเคลียร์ข้อมูลทั้งหมด


pageview  1205094    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved