HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
กรุงเทพธุรกิจ [ วันที่ 10/09/2563 ]
สธ.ยกระดับมาตรการ สวอปแนวชายแดน สกัดโควิด เมียนมา

กรุงเทพธุรกิจ ศบค.เผยพบผู้ป่วยโควิดรายใหม่ 1 ราย ชายชาวญี่ปุ่นเดินทางเข้าไทย อยู่ในสถานกักตัว ขณะที่ สธ.ยกระดับสกัดตามพื้นที่ชายแดนเมียนมา วาง 3 มาตรการ จัดทีมสวอป 300 คน ประจำตลอดแนว เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งคนลักลอบเข้าช่องธรรมชาติส่งตรวจหาเชื้อ มท.สั่งทุกจังหวัดคุมเข้ม
          สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โควิด-19 ในประเทศไทย ข้อมูลจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิค-19) หรือ ศบค.ประจำวันที่ 9 ก.ย.63 ระบุว่า มีผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 1 ราย เป็นชายชาวญี่ปุ่น อายุ 38 ปี เดินทางมาจากประเทศญี่ปุ่น ก่อนเข้าพักในสถานกักกันทางเลือก ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อสะสม 3,447 ราย หายป่วยแล้ว 3,286 ราย มีผู้ที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล103 ราย ส่วน ผู้เสียชีวิต ตัวเลขยังคงที่ที่ 58 ราย
          ขณะที่ การแถลงข่าวสถานการณ์ โควิด-19 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) วันเดียวกันนี้(9ก.ย.)นายธนิตพล ไชยนันท์ ที่ปรึกษา รมช.สาธารณสุข ชี้แจงถึงมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จากเมียนมาเข้ามาในประเทศไทยว่า มาตรการที่ 1.กระทรวงสาธารณสุขจะยกระดับจากเดิมที่มีการเฝ้าระวังการนำเชื้อเข้าประเทศทางอากาศ มาเป็นการเฝ้าระวังเข้มข้นทางบก และสนับสนุนเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการดูแลรักษา ผู้ติดเชื้อไปยังโรงพยาบาลบริเวณชายแดนเรียบร้อยแล้ว คาดว่าถึงในวันที่ 9 ก.ย.นี้
          2.การสนับสนุนเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ต่างๆ ไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด (สสจ.) สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ (สสอ.) ในพื้นที่ติดชายแดน คาดว่าจะลงไปถึงพื้นที่ภายในวันที่ 9 ก.ย.เช่นเดียวกัน สำหรับมาตรการการป้องกันได้มีการสร้างภาคีเครือข่ายภายในที่ทั้งระดับจังหวัด อำเภอ ตำบลหมู่บ้าน ในการตรวจสอบคนเข้ามายังพื้นที่ รวมถึง ฟื้นฟูอาสาสมัคร สาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) อาสาสมัคร สาธารณสุขต่างด้าว (อสต.) ในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อช่วยกันสนับสนุนตรวจสอบเฝ้าระวัง
          และ 3. จัดส่งชุดเคลื่อนที่เร็วจากส่วนกลาง  เพื่อสนับสนุนในพื้นที่หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นมาหรือแม้กระทั่งพบ ผู้ติดเชื้อที่ข้ามมาจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยชุดเคลื่อนที่เร็วจะมีอุปกรณ์ป้องกันบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในการช่วยเหลือภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ให้ได้รับความปลอดภัย รวมถึงประชาชนได้รับความปลอดภัยเช่นเดียวกัน
          "สถานการณ์  5 อำเภอติดชายแดน จ.ตาก ซึ่งมีระยะทาง 560 กิโลเมตร ขณะนี้ สธ.ได้สนับสนุนอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ ไปแล้ว รวมถึงการสื่อสารกับเครือข่ายคู่ขนานของหมู่บ้าน ตำบล อำเภอของประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมือง แต่ขอความ ร่วมมือจากประชาชนในการเฝ้าระวัง อย่าให้เกิดการลักลอบเข้ามาด้วย หากพบการลักลอบเข้ามาขอให้แจ้ง ต่อหน่วยงานราชการได้ทราบ เพื่อ ดำเนินการต่อไป ขณะนี้อยู่ระหว่าง หารือฝ่ายความมั่นคง เพื่อหามาตรการเพิ่มโทษคนนำเข้าแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย" นายธนิตกล่าว
          นพ.เอนก มุ่งอ้อมกลาง ผอ.สถาบันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สปคม.ได้ร่วมกับพื้นที่แม่สอดในการนำรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทาน 5 คันออกตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก   ที่อ.แม่สอด จ.ตาก ระหว่างวันที่ 8-9 ก.ย.2563 รวมทั้งสิ้น 2,635 คน แบ่งเป็นคนไทย 1,641 คน และต่างด้าว 994 คน ซึ่งคาดว่าจะทราบผลใน 24-48 ชั่วโมง และจะทำให้ประเมินได้ว่าสถานการณ์แม่สอดมีการระบาดหรือการติดเชื้อโควิดหรือไม่อย่างไร
          นอกจากนี้ มีการจัดทีมสวอป (Swab) 300 คน เป็นพยาบาลและนักวิชาการสาธารณสุข ในการประจำอยู่ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.)ในพื้นที่ตลอดตะเข็บชายแดน จ.ตาก ที่ติดกับประเทศเมียนมา เพื่อเก็บตัวอย่างสิ่งส่งตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 จากผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายผ่านช่องทางธรรมชาติ หากมีการตรวจจับได้ซึ่งจะดำเนินการให้ได้มากที่สุด
          "จากการติดตามความร่วมมือในการสวมหน้ากากอนามัย ทำให้ทราบว่าอย่างฝั่งเมียนมา จากการประเมินพบ 98% ให้ความร่วมมือดี ส่วนฝั่งไทยให้ความร่วมมือ 95% ขณะนี้ยังได้จัดทีมกว่า 300 คน คอยประจำตามชายแดน ทำหน้าที่เก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อโควิด ส่วนคนที่ถูกเก็บตัวอย่างก็จะมีการกักตัวไว้ ขณะที่สถานการณ์ฝั่งเมียนมามีการตรวจเชื้อและกักตัวเช่นกัน และจากการดำเนินสถานที่กักกันในท้องถิ่น (Local Quarantine)  265 ราย และยังอยู่ระหว่างกักตัว 18 ราย"นพ.เอนกกล่าว
          ทางด้าน ศบค.กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) แจ้งว่า ด้วยปรากฏสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ในประเทศเพื่อนบ้านทางด้าน ตะวันตกของไทย และอาจมีการแพร่ระบาดเข้ามาในไทย โดยผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งมิได้ผ่านมาตรการคัดกรองโรคตามที่ไทยกำหนด เพื่อป้องกันและสกัดกั้นมิให้เกิดการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งจะนำไปสู่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในไทย
          โดยนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าฯและผู้ว่าฯกทม. ได้สั่งการไปยังผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดดำเนินการ 3 มาตรการเข้มข้น ได้แก่
          1.ให้จังหวัดชายแดนที่มีพื้นที่ติดต่อกับประเทศเมียนมา เพิ่มความเข้มข้นในการเฝ้าระมัดระวังไม่ให้มีการลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยและไม่ผ่านกระบวนการคัดกรองโรค 2.ให้จังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อกับชายแดนซึ่งมีเส้นทางคมนาคมทั้งสายหลัก สายรอง ต่อเนื่องกัน จัดตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด ตรวจตรา เฝ้าระวัง และสกัดกั้นผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย3.ให้ทุกจังหวัดบูรณาการส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ติดตามค้นหาแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบกลับเข้าไทยโดยผิดกฎหมาย


pageview  1205694    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved