HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
กรุงเทพธุรกิจ [ วันที่ 22/05/2555 ]
ใช้วารีบำบัด...ชำระจิตใจ

ปัจจุบัน วิวัฒนาการด้านการแพทย์ได้รุดหน้าไปมากในการรักษาโรคต่างๆ ที่เกิดจากความบกพร่องทางกาย หากแต่โรคทางใจที่เกิดจากความเครียด ความซึมเศร้า หรือความบกพร่องทางสมองนั้น การเยียวยาอาจจะไม่ใช่แค่เพียงพึ่งพาแต่การรับประทานยาเพียงอย่างเดียว แต่อาจจะต้องรักษาควบคู่กับการบำบัดเฉพาะทางให้กับผู้ป่วยแต่ละคนไป
          และบางครั้งธรรมชาติก็สามารถเป็นตัวรักษาทั้งร่างกายและจิตใจได้ หนึ่งในนั้น คือ การใช้ วารีบำบัด หรือ ธาราบำบัด (Hydrotheraphy or Aqua Theraphy) ที่เป็นการนำเอาคุณสมบัติของน้ำมาใช้ เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยทั้งทางร่างกาย อารมณ์ ความคิด และความรู้สึกทางใจ อีกทั้งยังทำให้ร่างกายเกิดความสมดุลได้อีกด้วย
          องค์การแพลน อินเตอร์เนชั่นแนล สำนักงานประเทศไทย ร่วมกับศูนย์พัฒนาการศึกษาเพื่อลูกหญิงและชุมชน หรือศูนย์ลูกหญิง ศูนย์พัฒนาที่ให้ความช่วยเหลือเด็กและเยาวชน ตลอดจนสตรีและครอบครัวที่เสี่ยงต่อการถูกละเมิดในทุกรูปแบบ ได้ทดลองนำเอาวารีบำบัดนี้มาปฏิบัติกับเยาวชนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
          สมภพ จันทรากา ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการศึกษาเพื่อลูกหญิงและชุมชน เล่าถึงความเป็นมาของการนำวารีบำบัดมาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเด็กๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการถูกละเมิดต่างๆ ว่า ก่อนหน้านี้ เรามีเด็กจากหลากหลายสถานที่ บางคนโดนละเมิดทางร่างกายจากคนใกล้ตัว บางคนก็เป็นเด็กต่างด้าวที่มาจากที่อื่น แต่ทุกคนมีผลกระทบทางใจกันหมด เด็กเหล่านี้ไม่มีที่พึ่งพิง สิ่งที่พวกเขาต้องการ คือ การพึ่งพิงทางจิตใจ เราเลยลองพาเขาไปพบกับจิตแพทย์และลองให้รับประทานยา ปรากฏว่าไม่ได้ผล สุดท้ายเราลองเอาธรรมชาติมาช่วย เพราะเขามาจากแหล่งเดียวกัน เด็กเหล่านี้เติบโตจากธรรมชาติ เราลองพาเขาไป สัมผัสกับ ปรากฏว่าเขาชอบ และสุดท้ายก็มาลงตัวที่น้ำ
          นอกจากนี้ สมภพ ยังบอกว่า เมื่อเด็กๆ ได้มีโอกาสสัมผัสน้ำ ความเครียดต่างๆ ที่ถูกสะสมมาก็ผ่อนคลายและเริ่มสนุกกับการเล่นน้ำ จึงได้ศึกษาอย่างการบำบัดโดยน้ำอย่างจริงๆ จังๆ โดยการเดินทางไปดูงานทั้งในและต่างประเทศที่ได้นำหลักการของวารีบำบัดมารักษา ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีของการฟื้นฟูสุขภาพร่างกายและรักษาอาการเจ็บป่วย การบำบัดด้วยน้ำนี้ มีรากฐานมาจากประเทศเยอรมนี ที่มีความเชื่อว่า น้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญของร่างกาย และสามารถนำมาใช้เพื่อเป็นการผ่อนคลาย กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด กำจัดของเสียออกจากร่างกาย ลดอาการปวดเกร็ง ต่อมามีการพัฒนาเทคนิคของการใช้น้ำในการรักษาในรูปแบบต่างๆ ออกไป จนแพร่หลายทั้งในทวีปยุโรปจนถึงทวีปตะวันออกในหลายๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทย
          เราใช้วิธีการบำบัดด้วยน้ำมาเกือบ 10 ปีแล้ว และสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเด็กๆ จากเดิมที่เคยเป็นคนซึมเศร้าไม่พูดจากับใคร เก็บตัว ก็เริ่มพูดคุยมากขึ้น เริ่มเห็นรอยยิ้ม เห็นความแจ่มใส รวมถึงกล้าที่จะเริ่มสนทนา มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นมากขึ้นด้วย พอเห็นแบบนี้ก็เริ่มรู้สึกว่าเรามาถูกทางแล้ว เลยเพิ่มจำนวนในการฝึกเด็กมากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มส่งเด็กไปว่ายน้ำแข่งขัน เพื่อที่จะฝึกให้เขาได้เริ่มกล้าแสดงออก ให้มีความมั่นใจมากขึ้น ซึ่งก็ได้ผลตอบรับค่อนข้างดีทีเดียว
          ผลตอบรับที่ว่าคือการที่เด็กที่ได้รับการฝึกฝนจากวารีบำบัด สามารถกลายเป็นนักกีฬาว่ายน้ำอันดับหนึ่งในจังหวัดเชียงรายติดต่อกันนานกว่า 5 ปี และเริ่มขยายผลจากกลุ่มเล็กจนกลายเป็นกลุ่มใหญ่มากขึ้น จนในขณะนี้ ทางศูนย์มีนักกีฬาว่ายน้ำตัวน้อยกว่า 400 ชีวิตแล้ว และได้มีการจัดกีฬาว่ายน้ำแข่งขันจากทั่วจังหวัดเชียงรายเป็นครั้งแรกในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีเยาวชนเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้กว่า 500 คน และแน่นอนว่า ต้องมีกลุ่มน้องนักกีฬาจากทางศูนย์เข้าร่วมในงานครั้งนี้ด้วย
          มหา คิวบาร์รูเบีย ผู้อำนวยการองค์การแพลน อินเตอร์เนชั่นแนล สำนักงานประเทศไทย กล่าวว่า เราได้เห็นถึงความตั้งใจของทางศูนย์เอง และความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจในทางที่ดีขึ้นของเด็กๆ เราจึงอยากให้การบำบัดด้วยวิธีธรรมชาติเหล่านี้เป็นต้นแบบของการนำไปสู่กระบวนการพัฒนาการบำบัดด้านอื่นๆ ได้อีก ที่สำคัญ การเปลี่ยนแปลงของเด็กๆ เหล่านี้ ทำให้เราเห็นถึงศักยภาพในตัวของพวกเขา หากเราไม่ดึงส่วนนี้ออกมา เราก็คงไม่สามารถเห็นความสามารถเขาด้วย หรือแม้แต่ตัวเขาเองก็อาจไม่ทราบว่า ตัวเขานั้นสามารถทำอะไรได้หลายๆ อย่าง
          หมวย (นามสมมุติ) เด็กชนเผ่าไร้สัญชาติ อายุ 12 ปี หนึ่งในผู้เข้าร่วมอบรมและผันตัวเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ เล่าว่า เมื่อก่อนเป็นคนขี้อาย ไม่กล้าพูดไม่กล้าจะทำอะไรเลย ไม่มีเพื่อนด้วย โดนเพื่อนๆ ในห้องล้อเรื่องไม่มีสัญชาติ เลยไม่อยากไปเรียน ทำให้เกรดออกมาไม่ดี แถมยังเป็นโรคปอดบวมอีก แต่พอมาเรียนว่ายน้ำ ก็สนุกมาก
          ได้เล่นน้ำกับเพื่อน ได้คุยเล่นกันมากขึ้นจนมีเพื่อนเยอะขึ้น ทำให้รู้สึกกล้าที่จะคุยกับคนอื่นมากขึ้น อยากไปโรงเรียนมากขึ้น เพราะมีเพื่อน จากเดิมที่ได้เกรดไม่ค่อยดี ตอนนี้ได้เกรดเฉลี่ย 4 ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย แถมโรคปอดบวมก็หายไปด้วย ไม่ต้องไปหาหมออีกแล้ว ที่สำคัญ ได้เป็นนักกีฬาของจังหวัด
          ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนเป็นการบำบัด หากทำให้จิตใจได้ผ่อนคลาย ก็สามารถส่งผลดีต่อร่างกายและระบบอวัยวะต่างๆ ในตัวเราได้ทั้งนั้น เมื่อมีสุขภาพจิตที่ดีก็สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะที่กำลังย่างเข้าสู่ยุคฝืดเคือง ที่ทุกคนต้องรัดเข็มขัดกันเอวกิ่ว หากลองใช้วิธีการบำบัดแบบนี้ ก็ไม่เลวเลยทีเดียว


pageview  1206123    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved