HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
กรุงเทพธุรกิจ [ วันที่ 29/04/2563 ]
ต่างด้าว ปมวิกฤติรอบใหม่ 42รายติดโควิดในศูนย์กักตัว-นายกฯเพิ่มงบ3พันล้านลุยตรวจเชื้อ

ยอดติดเชื้อรายใหม่ กลับมาพุ่ง53ราย
          กรุงเทพธุรกิจ ศบค.เผยยอดติดเชื้อรายใหม่กลับมาพุ่ง 53 ราย รวมยอดสะสม 2,907 ราย พบกลุ่มแรงงานต่างด้าวใน ศูนย์กักกันคนเข้าเมืองสงขลา 42 ราย เร่งสอบไทม์ไลน์ เฝ้าระวังอีก 73 ราย ศูนย์เดียวกัน ดันยอดผู้ติดเชื้อในจังหวัด พุ่ง 105 คน ขณะที่นายกฯ เพิ่มงบ 3 พันล้าน ลุยตรวจเชื้อสกัดระบาด
          นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(ศบค.) แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวันที่ 25 เม.ย.2563 ว่า ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่ม จำนวน  53 ราย รวมยอดสะสม 2,907 ราย พบเสียชีวิต เพิ่ม 1 ราย รวมยอดเสียชีวิตอยู่ที่ 51 ราย ผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านแล้ว 2,547 ราย  โดยผู้ป่วยใหม่ที่เพิ่มขึ้นในวันนี้มีจำนวน 53 ราย ใน 4 จังหวัดที่เข้ารับการรักษา ประกอบด้วย ยะลา 7 ราย กรุงเทพฯ 2 ราย ชลบุรี 1 ราย และ ภูเก็ต 1 ราย รวมทั้ง จากกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ศูนย์กักกัน คนเข้าเมือง อ.สะเดา จ.สงขลา จำนวน 42 ราย
          นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า สำหรับพื้นที่มี ผู้ป่วยที่รับรักษาสะสมมากที่สุด ประกอบด้วย กรุงเทพฯ 1,478 ราย ภูเก็ต 201 ราย นนทบุรี 152 ราย สมุทรปราการ 111 ราย ยะลา 106 ราย ชลบุรี 87 ราย ปัตตานี 79 ราย สงขลา 44 ราย เชียงใหม่ 40 ราย และปทุมธานี 37 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวนอีก 40 ราย และมีผู้ติดเชื้อที่อยู่ที่สถานกักตัวของรัฐ หรือ State Quarantine ในจังหวัดต่างๆ  อีก 71 ราย แต่ยังมี 9 จังหวัดยังไม่มีรายงานการรับรักษาผู้ป่วย ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี อ่างทอง และสตูล รวมถึงมีอีก 47 จังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อในช่วง 14 วันที่ผ่านมา
          "สำหรับการนำคนไทยที่ตกค้างกลับจากต่างประเทศ ในวันเดียวกันนี้มีนักศึกษาตกค้างจากประเทศอิหร่านกลับมา 21 คน ขณะที่ในช่วงบ่ายมีพระภิกษุ แม่ชี และ ผู้ปฏิบัติธรรมกลับจากประเทศอินเดียอีกจำนวน 171 คน รวมถึงจะมีนักเรียน นักศึกษา คนงานและนักท่องเที่ยวกลับ จากประเทศออสเตรเลียอีกจำนวน 212 คน แต่ขอย้ำว่าทุกคนที่กลับมาประเทศไทยจะต้องเข้าสถานกักตัวของรัฐ จึงขอให้ คนไทยในต่างประเทศรายงานตัวที่ สถานทูตเพื่อเตรียมวางแผนในการกลับมาด้วย"นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
          โฆษก ศบค.กล่าวอีกว่า ส่วนกรณี จังหวัดที่มีการคลายล็อกบางมาตรการ ไปแล้วว่า เป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติตาม หลักเกณฑ์ใหญ่ตามประกาศของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่มีข้อกำหนดต่างๆ ระบุไว้ หากแต่ละจังหวัดมีการปลดล็อกต้องห้ามมีมาตรการย่อหย่อนกว่าที่พ.ร.ก.ฉุกเฉินกำหนด แต่หากจะมี กฎเกณฑ์ที่เข้มและแข็งกว่าจะไม่มีปัญหา ดังนั้นขอให้แต่ละจังหวัดนำไปปรับใช้ ตามสถานการณ์ ไม่ได้เป็นการบังคับ อย่างไรก็ตามจากการรายงานทุกจังหวัดมีมาตรการอย่างเข้มข้น โดยนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศบค.ได้ขอบคุณทุกส่วนที่ช่วยกันดูแลจนทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
          เร่งสอบไทม์ไลน์ต่างด้าว42คน
          สำหรับศูนย์กักตัวผู้ต้องกักตรวจ คนเข้าเมือง จ.สงขลา ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ 2 ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา ล่าสุดไม่อนุญาต ให้บุคคลภายนอกเข้าพื้นที่เด็ดขาด โดยการ ตรวจกลุ่มคนต่างด้าวดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นหลังจาก เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) ด่านสะเดา 1 คนติดเชื้อไวรัส19 จึงมีการซักประวัติและพบว่าได้เข้ามาทำงานที่ศูนย์กักตัว กระทั่งผลการตรวจยืนยันว่าพบเชื้อในกลุ่มของแรงงานชาวพม่าหรือสัญชาติพม่ามากที่สุด ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบไทม์ไลน์การติดเชื้อจะมาจากบุคคลภายนอกหรือไม่ เนื่องจากกลุ่มต่างด้าวที่นี่ไม่ได้รับอนุญาต ให้ออกนอกศูนย์กักตัว แต่หากการติดเชื้อจากคนนอกอาจมาจากเจ้าหน้าที่ที่ดูแลรับผิดชอบงานที่ศูนย์กักตัว ประกอบกับ ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ ตม.สะเดาติดเชื้อ 1 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างการหาต้นตอว่าติดเชื้อมาจากที่ไหน หรือการติดเชื้อของต่างด้าว 42 คนในครั้งนี้จะมาจากมาจากกลุ่มต่างด้าวที่เข้ามาใหม่ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบที่ชัดเจน
          สำหรับโดยศูนย์กักตัวแห่งนี้เป็นอาคา3 ชั้นมีแรงงานต่างด้าวหลายสัญชาติอาศัยรวมกันจำนวน 115 คน โดยเฉพาะกลุ่ม โรฮิงญาและเมียนมาที่รอการผลักดันกลับประเทศ ภายในอาคารจะมีการแบ่งพื้นที่อาศัย แยกระหว่างหญิงและชาย โดยแต่ละห้องจะ อาศัยรวมกันประมาณ 40-50 คน แต่มีข้อมูลว่า การตรวจสอบกลุ่มที่ติดเชื้อนั้นอาศัยอยู่ในห้องเดียวกันจำนวน 47 คนมีผลออกมา คือติดเชื้อโควิด 42 คนที่เหลือ 5 คนไม่พบเชื้อ เจ้าหน้าที่จึงแยกจำนวนต่างด้าวไม่พบเชื้อที่เหลือ 73 คนออกมาเพื่อเฝ้าสังเกตอาการ
          นายกฯอนุมัติงบตรวจเชื้อ3พันล้าน
          ด้าน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงแนวทางผ่อนปรนมาตรการต่างๆ ว่า เรื่องนี้ต้องดู ผู้ที่อยู่แออัดรวมถึงการจับกลุ่มในหมู่มากโดยเปรียบเทียบกับประเทศสิงคโปร์ที่มี กลุ่มคนใช้แรงงานอยู่กันอย่างแออัด จึงต้อง ดูแลให้ประชาชนมีความมั่นใจ ส่วนมาตรการการผ่อนคลายต้องติดตามเป็นระยะจากแนวทางที่นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญต่างๆ เสนอมาทั้งหลักวิชาการและตัวอย่างจากประเทศต่างๆ ที่มีการปลดล็อกไปแล้วทำให้เกิดปัญหา ซึ่งประเทศไทยจะต้อง ไม่เกิดปัญหาเช่นนั้นแต่จะต้องเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืนไม่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีก
          "ตอนนี้ประเทศไทยมีศักยภาพใน การรักษา แม้ว่ายังมีผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล หลังจากนี้หากทำให้ประชาชนมีความมั่นใจ ต้องมีความพร้อมทั้งเวชภัณฑ์ โรงพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ที่เมื่อประชาชนเจ็บป่วยจะสามารถเข้ารับการรักษาได้อย่างทั่วถึง และเพียงพอ"
          สำหรับด้านสาธารณสุขในแต่ละจังหวัดจะเพิ่มความมั่นใจให้กับประชาชนได้อย่างไร เมื่อมีการผ่อนคลายมาตรการ นพ.สุขุม ระบุว่า เรื่องนี้นายกฯ ได้สั่งการให้มีการดำเนินนโยบายการสุ่มตรวจผู้ที่อยู่ ในกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะฝ่ายบุคลากรทาง การแพทย์ที่ให้การรักษาว่าจะต้องไม่มีการติดเชื้อและเป็นพาหะ ไปจนถึงบุคคลเฉพาะผู้ใช้แรงงาน และบุคคลที่เป็นผู้ขับขี่รถสาธารณะ ซึ่งนายกฯได้อนุมัติงบเพิ่ม มาอีกกว่า 3,000 ล้านบาท ทำให้สามารถมั่นใจว่าการตรวจจะมีศักยภาพยิ่งขึ้น อาทิ กรณีการเก็บตัวอย่างเชื้อโดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อทำให้การตรวจโรคมีความรวดเร็ว ส่วนการผ่อนคลายต่างๆ จะต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งประเทศ
          พม.-มท.ร่วมสำรวจกลุ่มตกหล่น
          วันเดียวกันนี้ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) เปิดเผยว่า คณะผู้บริหาร พม.ได้ประชุม ร่วมกับผู้แทนจากสำนักนายกรัฐมนตรี  และกระทรวงมหาดไทย  เพื่อเตรียมสำรวจพื้นที่จริงในทุกหมู่บ้านว่า มีกลุ่มเป้าหมายและประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ที่ยังตกหล่นไม่ได้รับการช่วยเหลือจากมาตรการต่างๆ ของหน่วยงานภาครัฐหรือไม่ เพื่อร่วมหาแนวทางการดำเนินงานและแบ่งหน้าที่ตามนโยบายเราไม่ทิ้งกัน และ เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
          ทั้งนี้ พม.จะดำเนินการสำรวจให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 10 พ.ค.2563 ส่วนกระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการสำรวจให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15  พ.ค. 2563 โดยจะนำข้อมูลทั้งหมดมาเชื่อมโยงกับทุกกระทรวง เพื่อดูแลประชาชนที่เดือดร้อนให้ครอบคลุมมากที่สุด จากนั้นกระทรวง พม.จะประชุมหาแนวทางช่วยเหลือในส่วนประชาชนกลุ่มเปราะบางที่กระทรวง พม.ต้องดูแล
          กกต.พบเจ้าหน้าที่ติดเชื้อ1ราย
          ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่เอกสารข่าวแจ้งว่า  เมื่อช่วงค่ำวันที่ 24 เม.ย.ได้รับแจ้งจาก สำนักวินิจฉัยและคดีว่า พบพนักงานติดเชื้อ ไวรัสโควิด-19 จำนวน 1 คน เป็นเจ้าหน้าที่นิติกร สำนักวินิจฉัยและคดี ซึ่งติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะปฏิบัติงานนอกสถานที่ที่อาคาร 6 เคหะหลักสี่ ซอยแจ้งวัฒนะ 5 เขตหลักสี่ กทม.จึงประสานกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อส่งตัวเข้ารับการรักษา
          เบื้องต้นสอบสวนประวัติการเจ็บป่วยแล้วพบว่า เป็นคนไข้ในกลุ่มไม่แสดงอาการ และไม่มีประวัติการเดินทางไปต่างประเทศ โดยสำนักงาน กกต.จะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ค้นหาบริเวณพื้นที่เสี่ยงเพื่อแจ้งให้ผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายนี้ ทั้งกลุ่มเสี่ยงสูงและกลุ่มเสี่ยงต่ำทราบ เพื่อตรวจหาเชื้อ เพิ่มเติมหรือกักตัวเองเป็นเวลา 14 วัน
          นายกฯโพสต์อาลัย อสม.รถชนดับ
          วันเดียวกันพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ค "ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-cha" ว่า "ผมขอแสดงความอาลัย ต่อการจากไปของคุณบุญส่ง มะนาวหวาน อสม.วัย 72 ปี ของ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุขณะที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ขับจักรยานยนต์นำหน้ากากอนามัยและ เจลล้างมือไปแจกจ่ายให้แก่ชาวบ้าน เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา
          "ผมได้ทราบว่าคุณตาบุญส่ง ได้สมัครเข้ามาเป็น อสม.ของชุมชนมาตั้งแต่ปี 2529 รวม 34 ปีแล้ว ที่คุณตาบุญส่งได้ทำหน้าที่เป็นอาสาสมัครของชุมชน ทุ่มเทช่วยงานราชการอย่างแข็งขัน ทำหน้าที่ด้วยความรักและเสียสละ เป็นคนดีของชุมชนและประเทศชาติที่ควรยกย่อง การเสียชีวิตในครั้งนี้ของคุณตาบุญส่ง ถือว่าเป็นการเสียชีวิต ในหน้าที่ ในขณะที่ทำคุณประโยชน์ให้กับ ประเทศชาติ ทางภาครัฐจะมีการดูแลครอบครัวอย่างดีที่สุด"
          "คุณตาบุญส่ง เป็นหนึ่งใน อสม.นับล้านคนในประเทศของเรา ที่อาสาเสียสละแรงกายแรงใจเพื่อช่วยประเทศชาติ และเป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้สถานการณ์โควิด-19 ของเรานั้นเป็นไปในแนวโน้มที่ดี ผมขอแสดงความอาลัยต่อคุณตาบุญส่งอีกครั้ง และขอขอบคุณ อสม.ทุกท่านที่มีส่วนช่วยประเทศชาติฝ่าวิกฤติโควิด-19 ในครั้งนี้ครับ"
          ยอดผู้ป่วยโควิดทั่วโลกทะลุ2.8ล้านราย
          Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 2,846,575 ราย  และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 197,859 รายส่วน ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายแล้วมีจำนวน 811,777 ราย
          สหรัฐยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดในโลก โดยมีผู้ติดเชื่อเพิ่ม 526 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสม 925,758 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตมีเพิ่ม 24 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 52,217 ราย ส่วนสเปน มีผู้ติดเชื้อ 219,764 ราย มีผู้เสียชีวิต 22,524 ราย
          อิตาลี มีผู้ติดเชื้อ 192,994 ราย มีผู้เสียชีวิต 25,969 ราย ฝรั่งเศส มีผู้ติดเชื้อ 159,828 ราย มีผู้เสียชีวิตจำนวน 22,245 ราย เยอรมนี มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 55 ราย ทำให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อ อยู่ที่ 155,054 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตมีเพิ่ม 7 ราย ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตในเยอรมนีมีจำนวน 5,767 ราย


pageview  1204959    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved