HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
กรุงเทพธุรกิจ [ วันที่ 26/12/2561 ]
ผ่านก.ม.กัญชา-กระท่อม พาณิชย์ชะลอสิทธิบัตรตปท.

   กรุงเทพธุรกิจ สนช.ผ่านก.ม.ปลดล็อก กัญชา-กระท่อม เพื่อวิจัย-ยารักษาโรค "ประจิน" เผย สธ.-อย.เตรียมแก้กฎกระทรวง คาดไม่เกิน 60 วัน สั่ง พณ.ชะลอต่างชาติขอจดสิทธิบัตร สารสกัด หวั่นคนไทยถูกกลืนเชิงการค้า ไบโอไทยอัดปาหี่ เชื่อประโยชน์ตกอยู่บริษัทยักษ์ใหญ่-บริษัทยาข้ามชาติ หลังไม่ยกเลิกสิทธิบัตรกัญชา ขณะที่ ม.รังสิตเดินหน้าฟ้องกรมทรัพย์สินฯ
          วานนี้(25ธ.ค.) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ว่าได้รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) รับทราบแล้ว และขั้นตอนจากนี้ไปสำนักงาน คณะกรรมการอาหารและยา(อย.) และทีมงานของ รมว.สาธารณสุขจะต้องตรวจสอบเรื่องการแก้ไข กฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง คาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 60 วัน และหารือร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์ งานวิจัยในสถานศึกษา รวมถึงกลุ่มบุคคลที่จะมาเกี่ยวข้อง อาทิ เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ เพื่อเตรียมการเรื่องรายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆ
          ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้มอบหมายให้ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งที่ประชุมได้พูดคุยกันกรณีที่ฝ่ายกังวลต่อการที่บริษัทต่างชาติ ในประเทศไทยยื่นเรื่องต่อกระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอ จดสิทธิบัตรสารสกัดจากกัญชา โดยขอให้มีการตรวจสอบระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย โดยขอให้ชะลอไว้ก่อน อย่าเพิ่งให้มีผลบังคับใช้ เพราะรัฐบาลจะต้องดูเรื่องความพร้อมและศักยภาพของคนไทย ถ้ารีบอาจทำให้บริษัทต่างชาติกลายเป็นฝ่ายที่นำมาส่งขายให้สถานพยาบาลหรือผู้ป่วย แล้วฝ่ายไทยจะถูกกลืนในเชิงธุรกิจโดยบริษัทต่างชาติ
          ทั้งนี้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ  มีมติเห็นชอบ ร่างพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่...) พ.ศ..เพื่อคลายล็อกกัญชาให้ใช้ทางการแพทย์ ซึ่งเป็นฉบับที่นายสมชาย แสวงการ เป็นประธานกรรมาธิการฯ ด้วยมติเอกฉันท์ 166 เสียง งดออกเสียง 13 เสียง
          สำหรับเนื้อหาที่ สนช.เห็นชอบนั้น พบการปรับแก้ไขในหลายประเด็น อาทิ คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ จากเดิมใน พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 กำหนดให้มี 17 คน ได้เพิ่มเติมอีก 8 คน โดยเพิ่ม ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เป็นต้น เพิ่มอำนาจของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด โดยเฉพาะให้ความเห็นชอบต่อผู้อนุญาตในการอนุญาตให้ผลิต นำเข้า หรือส่งออก รวมถึงเห็นชอบประกาศหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องที่หน่วยงานราชการเสนอ
          รายละเอียดตามร่างกฎหมาย ระบุว่า กรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ทางราชการ การรักษาผู้ป่วย หรือการศึกษาวิจัยและพัฒนา รวมถึงเกษตรกรรม พาณิชยกรรม วิทยาศาสตร์ หรืออุตสาหกรรม  ให้พกพาเพื่อใช้รักษาโรคในปริมาณที่จำเป็น โดยต้องมีใบสั่งยาหรือหนังสือรับรอง ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ทันตกรรมแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนไทยประยุกต์ หรือ หมอพื้นบ้าน โดยเป็นไปตามเงื่อนไขที่ รมว.สาธารณสุขกำหนดและผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ สำหรับปริมาณที่ควบคุมในการครอบครอง ยังกำหนดว่า หากพบการครอบครองปริมาณเกิน 10 กิโลกรัม ให้สันนิษฐานว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย ขณะที่การครอบครองเพื่อใช้เป็นยารักษาโรค  ใช้เพื่อปฐมพยาบาล หรือเหตุฉุกเฉิน ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด โดยหากพบผู้ใดที่ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกและปรับ
          ขณะที่การขออนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ครอบครอง กัญชาและกระท่อม ให้สิทธิ เฉพาะ 1.หน่วยงานของรัฐ ที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัยหรือการเรียนการสอนวิชาด้านการแพทย์  เกษตรศาสตร์ 2.หน่วยงานรัฐ ที่มีหน้าที่ป้องกัน ปราบปรามและแก้ปัญหายาเสพติด หรือสภากาชาดไทย 3.ผู้ประกอบวิชาชีพเครือข่ายแพทย์ ทั้งไทย และหมดพื้นบ้านตามเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด 4.สถาบันอุดมศึกษาที่ศึกษาและวิจัย และเรียนด้านการแพทย์ 5.ผู้ประกอบอาชีพเกษตรที่รวมตัวเป็นวิสาหกิจชุมชน ซึ่งจดทะเบียนตามกฎหมาย 6.ผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะระหว่างประเทศ 7.ผู้ป่วยที่เดินทางระหว่างประเทศที่มีความจำเป็นต้องใช้ยาเสพติดติดตัว 8.ผู้ขออนุญาตที่ รมว.สาธารณสุขเห็นชอบ ทั้งนี้ผู้ที่ได้รับอนุญาตสามารถส่งต่อให้กับทายาทหรือผู้ได้รับความยินยอมได้ กรณีที่ ผู้ได้รับอนุญาตเสียชีวิตก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุ
          นอกจากนี้ ยังคลายล็อกให้ ทดลองเพาะปลูก ผลิตและทดสอบ เสพ หรือครอบครองในปริมาณที่กำหนด ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปราม ยาเสพติดเห็นสมควร แต่ต้องเพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิจัย การลดอันตรายจากการใช้ยาเสพติด หรือ ป้องกัน ปราบปราม และแก้ปัญหายาเสพติดให้โทษ
          ขณะที่บทลงโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายต้องถูกจำคุก และถูกลงโทษปรับด้วย อาทิ การครอบครองเพื่อจำหน่าย ไม่ถึง 10 กิโลกรัม จำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท ครอบครองเกิน 10 กิโลกรัม จำคุก 1- 15 ปีปรับ 1แสน-1ล้านบาท เป็นต้น ทั้งนี้ในร่างกฎหมายกำหนดให้เมื่อร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว มีผลใช้บังคับแล้ว 3 ปี ให้คณะกรรมการควบคุม ยาเสพติด ทบทวนการให้ใบอนุญาตทุกๆ 6 เดือน
          นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี หรือไบโอไทย กล่าวว่า กฎหมายคลายล็อกกัญชา ซึ่งเป็นความหวังของผู้ป่วย ผู้ประกอบการในประเทศและเกษตรกรที่หวังจะปลูกกัญชาเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ จะกลายเป็นปาหี่ โดยจะมี ผู้ได้ประโยชน์เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่และบริษัทยาข้ามชาติที่ครอบครองสิทธิบัตรกัญชา ซึ่งจากการตรวจสอบของไบโอไทยล่าสุด เมื่อช่วงเช้าวันที่ 25 ธ.ค. 2561 พบว่า สถานะของคำขอสิทธิบัตร 3 รายการ
          ที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์(พณ.)เคยแถลงว่าจะยกเลิกนั้น ยังอยู่ในชั้นประกาศโฆษณาคำขอสิทธิบัตรและระหว่างการจัดทำเอกสารตอบรับและจัดส่งเอกสาร โดยไม่ได้ยกเลิกคำขอ ตามที่ประกาศแต่อย่างใด เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้รับแจ้งว่า คำขอ 1101003758 นั้น ยังไม่ได้ดำเนินการเพิกถอน
          นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ในวันที่ 28 ธ.ค.นี้ มหาวิทยาลัยรังสิตจะดำเนินการยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ในฐานะผู้ได้รับผลกระทบจากการขอจดสิทธิบัตรของต่างชาติ และหลังปีใหม่จะนำข้อมูลจากการรวบรวมของฝ่ายกฎหมายทั้งหมด ยื่นฟ้องกรมทรัพย์สินทางปัญญาทันที เพื่อให้กรมยกเลิกคำขอจดสิทธิบัตรก่อนที่กฎหมายจะมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา


pageview  1205133    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved