ผลการศึกษาจากสำนักงานมาตรฐานด้าน อาหาร (เอฟเอสเอ) ของอังกฤษ เผยผลิตภัณฑ์อาหาร 13 ชนิด มีสารอะครีลาไมด์ สารก่อมะเร็งปริมาณสูงรวมถึงไฮนช์ และกาแฟสำเร็จรูปเนสท์กาแฟ
          สำนัก งานมาตรฐานด้านอาหาร (เอฟเอสเอ) ของอังกฤษ เปิดเผยผลการศึกษาที่เกิดจาการทดสอบความปลอดภัยด้านอาหารเป็นประจำทุกปีกับ อาหารตัวอย่าง 248 ตัวอย่าง ตั้งแต่มันฝรั่งทอด ที่จำหน่ายโดยเครือข่ายร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด จนถึงซูเปอร์มาเก็ตทั้งเฮาส์แบรนด์และแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก พบว่า มีผลผลิตภัณฑ์อาหาร 13 ชนิดที่มีส่วนผสมของ สารอะครีลาไมค์ในปริมาณสูง ซึ่งเจ้าหน้าที่เอฟเอสเอ ได้แจ้ง ผลศึกษาให้บริษัทผลิตอาหารชั้นนำหลายแห่งของโลกรับทราบแล้ว
          อะ ครีลาไมด์ เป็นสารก่อมะเร็ง ที่ทำให้เกิดเนื้องอกในหนูและการได้รับสารสารนี้เข้าสู่ร่างกายแต่เดิมนั้น ได้รับผ่านทางควันบุหรี่ แต่ปัจจุบันสามารถได้รับสารนี้ ผ่านทางอาหารด้วย ทำให้เกิดความร้อนสูง ผ่านการอบ หรือทอด จะทำให้มีสารอันตรายชื่ออะครีลาไมล์ก่อตัวขึ้น โดยตัวอย่างอาหารทีมีอะครีลาไมด์สูงคือ คุกกี้ บิสกิต มันฝรั่ง ทอดหรืออบ และขนมปังกรอบ แครกเกอร์ กาแฟสำเร็จรูป ซีเรียล ขนมปัง และ ขนมปังปิ้ง โดยอาหารแป้งอืนๆ ที่รับความร้อนสูง
          อะครีลาไมค์ เกิดจากการทำปฏิกิริยากันระหว่างน้ำตาล และกรดอะมิโน ระหว่างการปรุงอาหารด้วยความร้อน เช่น การทอด, ปิ้ง และ อบ ซึ่งองค์การอนามัยโลก (ฮู) รับรู้ว่าการมีอะครีลาไมด์ ในอาหารเป็นความกังวลสำคัญต่อมนุษย์ ซึ่งเนื่องจากสารนี้สามารถนำให้เกิดมะเร็ง และการกลายพันธุ์ผ่นทางพันธุกรรมได้ในสัตว์ทดลอง
          ด้วยเหตุนี้ ในหลายประเทศ จึงได้ตั้งกฎใหม่เกี่ยวกับอะครีลาไมด์ในอาหาร และห้ามนำเข้าอาหารที่มีสารนี้ปนเปื้อนสูง เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค
          อย่าง ไรก็ตาม เอฟเอสเอ ระบุว่า ผลการศึกษาชิ้นนี้ไม่ได้ทำออกมาเพื่อบอกให้พ่อแม่ ผู้ปกครองควรเลิกให้ลูกๆ หรือบุตรหลานรับประทานอาหารเหล่านี้ เพียงแต่ให้ตระหนักถึงอัตรายของปริมาณมารอะครีลาไมด์ปริมาณสูงที่มีในอาหาร ดังที่กล่าวมา
          สมาพันธ์อาหารและเครื่องดื่มของอักฤษซึ่งเป็น ตัวแทนของผู้ประกอบการด้านอาหารใรแดนผู้ดี กว่าวว่า บริษัทที่เป็นสมาชิกพยายามลดปริมาณของสารนี้ในกระบวนการผลิตอาหารให้ได้มาก ที่สุด ส่วนบริษัทผลิตซอสไฮน์ ได้ปรับสูตรผลิตบานานา บิสคอตติ ในปีนี้เพื่อลดสารอะครีลาไมด์ลง เช่นเดียวกับ ยูไนเต็ด บิสกิตส์ ซึ่งผลิตจิงเจอร์รัทส์ ยี่ห้อแมควิตี้ ได้ลดสารอะครีลาไมด์ลงประมาณ 70% พร้อมทั้งรับปากว่า จะลดระดับสารนี้ในขนมขบเคี้ยวที่ผ่านการทอด อบทุกชนิดยี่ห้อแมคคอยด้วย
          ที่จริงอะครีลาไมด์ มัจจุราชเงียบนี้ รู้จักกันอย่างแพร่หลายมาตั้งแต่ พ.ศ.2545 เมื่อสำนักงานอาหารแห่งประเทศสวีเดน สุ่มตรวจอาหารกว่า 100 ตัอย่าง มาวิเคราะห์ผล และจากการวิเคราะห์ พบว่า ขนมปังกรอบทำจากมันฝรั่งและ มันฝรั่งทอด มีสารอะครีลาไมด์ปนเปื้อนสูงมาก ปริมาณที่พบมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1,000 ไมโครกรัมต่อกิโลกรัม และในมันฝรั่งทอดมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 500 ไมโครกรัมต่อกิโลกรัม แถมยังพบว่า อาหารชนิดเดียวกัน ถ้าผู้ผลิตคนละแห่ง ก็จะมีปริมาณอะครีลาไมด์ต่างกันไป เพราะขึ้นอยู่กับกรรมวิธีการผลิต ส่วนผลวิจัยของสหภาพยุโรป (อียู) ระบุว่า คนจะได้สารอะครีลาไมด์มากขึ้น จากการบริโภคอาหารผ่านความร้อนสูง