กรุงเทพธุรกิจ รมว.สาธารณสุข ยืนยัน รัฐบาลอุดหนุนบัตรทอง 100% เร่งทำ "ชุดสิทธิประโยชน์พื้นฐาน" หวังเกิดในรัฐบาลนี้ เดินหน้าดูแล "กลุ่มเปราะบาง" นักโทษ-พระสงฆ์ พร้อมไฟเขียวเพิ่ม"คลินิกพิเศษนอกเวลา" รองรับกลุ่มคนสมัครใจจ่าย ลดแออัดโรงพยาบาล ขณะที่ผู้มีส่วนได้เสียเสนอตั้ง "กองทุนดูแลคนไทยไร้สิทธิ"
          วานนี้(15 ส.ค.) นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บอร์ดสปสช.) ให้สัมภาษณ์ ภายหลังมอบนโยบาย "ทิศทางความร่วมมือกับกลไกนโยบายหลักประกันสุขภาพระดับโลก เพื่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์หลักประกันสุขภาพในประเทศ" ในการประชุม รับฟังความคิดเห็นทั่วไปจากผู้ให้และผู้รับบริการระดับประเทศ ประจำปี 2561 "เสียงเพื่อกลุ่มเปราะบาง : ระบบหลักประกันสุขภาพไทย ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" โดยยืนยันว่า รัฐบาลหนุนระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 100% เพราะวัตถุประสงค์เพื่อสุขภาพประชาชนจริงๆ ไม่ว่าอยู่ในสภาวะใด โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
          ที่ผ่านมาความไว้วางใจกันในภาคส่วนต่าง ๆ มีเพิ่มมากขึ้นและได้รับความร่วมมือจากภาคประชารัฐ ในการปฏิรูประบบหลักประกันฯให้ยั่งยืน เนื่องจากไม่มีใครใช้ระบบเดิมอยู่กับสังคมปัจจุบันได้ตลอดไปจากการที่เทคโนโลยีทางการแพทย์ทันสมัยขึ้นและค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นถ้าที่ผ่านมาไม่มีการปรับปรุงย่ำอยู่กับที่ประเทศไทยคงไม่ได้รับคำชมเรื่องระบบหลักประกันฯ จากนานาประเทศเช่นนี้ ซึ่งการปฏิรูปในช่วงที่ผ่านมา มีทั้งเรื่องการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ใช้สิทธิทั้งเรื่องยา วัคซีน อุปกรณ์การแพทย์และการให้บริการ
          ส่วนที่จะเดินหน้าปฏิรูปต่อไป อาทิ การขยายผลให้โรงพยาบาลที่มีความพร้อมและผู้ป่วยหนาแน่น เปิดคลินิกพิเศษนอกเวลา จากเดิมที่นำร่องเปิดเพียงไม่กี่แห่ง เพื่อรองรับกลุ่มคนที่ประสงค์มารับบริการในช่วงเย็นและสมัครใจจ่ายค่าบริการบางส่วนเอง ซึ่งจะทำให้โรงพยาบาลลดความแออัดของผู้ป่วยในช่วงกลางวัน ขณะเดียวกันประชาชนได้รับบริการที่เร็วขึ้น และแพทย์ไม่ต้องไปทำคลินิกส่วนตัว
          รวมถึงการเร่งจัดทำชุดสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐาน ที่จะเป็นสิทธิประโยชน์ที่ประชาชนทุกคนในทุกสิทธิประกันสุขภาพภาครัฐได้รับเหมือนกัน โดยหวังว่าจะดำเนินแล้วเสร็จภายในรัฐบาลนี้ และขยายการดูแลครอบคลุมประชากรกลุ่มเปราะบาง ทั้งผู้ต้องขังและพระสงฆ์ เป็นต้น
          ด้าน นพ.รัฐพล เตรียมวิชานนท์ ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) กล่าวว่า ในปี 2561 มีผู้ให้ความคิดเห็นเพื่อพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ แยกเป็นผู้ให้บริการระบบสาธารณสุข 20% ผู้รับบริการ 29% ประชากรกลุ่มเปราะบาง 34% นักวิชาการ 8% อื่นๆ 10%
          โดยผลการรับฟังความคิดเห็นที่เป็นข้อเสนอในส่วนกลุ่มเปราะบางกับการเข้าถึงบริการสาธารณสุข อาทิ 1.ควรมีการจัดตั้งกองทุนดูแลคนไทยไร้สิทธิในระหว่างที่รอการพิสูจน์สถานะ โดยครอบคลุมทั้งการพิสูจน์ดีเอ็นเอ การรักษาและการส่งเสริมป้องกันโรค 2.เสนอให้มีการเพิ่มโควตาพิเศษ กรณีพระสงฆ์สามารถลงทะเบียน ย้ายสิทธิได้ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ และเขตเมือง
          3.เร่งรัดผลักดันการแต่งตั้งกองทุนท้องถิ่น พื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการ ส่งเสริมป้องกันโรคในกลุ่มพระสงฆ์4. สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)ควรออกแบบการทำงานร่วมกัน ผ่านกลไกเครือข่ายที่มีอยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพฯในฐานะภาคียุทธศาสตร์ หุ้นส่วนที่สำคัญอีกกลุ่มหนึ่ง เพื่อสร้างการรับรู้ การมีส่วนร่วมและสร้างความเป็นเจ้าของในระบบหลักประกันฯร่วมกัน ให้เกิดความยั่งยืน และ สปสช.ควรทำหนังสือถึงกฤษฎีกาเพื่อยืนยันเจตนารมณ์เดิมของ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติพ.ศ.2545 ในการครอบคลุมถึงทุกคนที่อาศัยบนผืนแผ่นไทย