"อาฟเตอร์ยู-ทีเอซีซี"ลั่นปรับสูตรล่วงหน้าแล้ว
          กรุงเทพธุรกิจ * ประกาศ"ห้ามขาย-นำเข้า"กรดไขมันทรานส์พ่นพิษ ฉุดหุ้น"ขนมหวาน-เบเกอรี่" ร่วงยกแผง โบรกเกอร์ประเมินต้นทุนผู้ประกอบการพุ่งคาดกระทบยักษ์ใหญ่"ซีพี-สหพัฒน์" ด้านอาฟเตอร์ยู-ทีเอซีซี ยันไม่กระทบเหตุปรับสูตรล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว ราคาหุ้นกลุ่มอาหารและขนมหวานเบเกอรี่ ปรับลดลงกันถ้วนหน้าในการซื้อขายวานนี้(16ก.ค.) เช่น บริษัท อาฟเตอร์ยู จำกัด(มหาชน) หรือ AU ผู้จำหน่ายขนมหวานภายใต้ชื่อ"ร้านอาฟเตอร์ ยู" ปิดที่ 8.55 บาทลดลง 0.55 บาท หรือ 6.04%, บริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เจ้าของร้านเบอร์เกอร์คิง,แดรี่ควีน, เดอะพิซซ่า คอมปะนี ราคาหุ้นปิดที่33.75 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 2.88%
          บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC ผู้จัดจำหน่ายขนมหวาน"โดนัท อะสไมลล์" ปิดที่ 4.14 บาท ลดลง0.04 บาท หรือ 0.95% และบริษัท เอส แอนด์ พีซินดิเคท จำกัด (มหาชน) หรือ SNP ผู้ดำเนินธุรกิจร้านเบเกอรี่ภายใต้ชื่อเอสแอนด์พี ราคาหุ้นลดลง 0.10 บาท หรือ 0.49% มาที่ 20.50 บาท แรงกดดันดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้าหรือจำหน่ายกรดไขมันทรานส์ หลังมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่ากรดไขมันทรานส์จากน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนส่งผลต่อการเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยมีผลบังคับใช้ภายใน 180 นับแต่วันออกประกาศ
          นางภรณี ทองเย็น รองกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เอเซีย พลัส กล่าวว่า ประกาศดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ดีต่อผู้บริโภค แต่ในส่วนของผู้ประกอบการอาจต้องปรับปรุงหรือปรับสูตรการผลิตใหม่ ซึ่งอาจกระทบทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น โดยเบื้องต้นประเมินว่ากลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวคือ กลุ่มที่ขายสินค้าประเภทเบเกอรี่ อาทิ AU, SNP,กลุ่มสหพัฒน์ และกลุ่มซีพี เป็นต้น
          ด้านบทวิเคราะห์บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุอาหารที่มีส่วนผสมของไขมันทรานส์สูงได้แก่ ครีมเทียม เนยเทียม เนยขาว มาการีน คุกกี้ โดนัท พัฟ พาย ขนมเวเฟอร์ต่างๆ โดยไขมันทรานส์ในประเทศไทยมาจาก 1.นำเข้าสินค้ามาโดยตรง เช่น พวกขนมต่างๆ และ2.ผลิตจากการเติมไฮโดรเจนบางส่วนเข้าไปในน้ำมันพืช ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากน้ำมันปาล์มเป็นหลัก
          สำหรับหุ้นที่คาดว่าได้รับผลกระทบคือหุ้นในกลุ่มน้ำมันปาล์มและผู้ประกอบการเบเกอรี่ ทั้งนี้ภาครัฐยังให้เวลาในการปรับตัวปรับสูตร แต่หุ้นกลุ่มน้ำมันปาล์มน่าจะได้รับผลกระทบมากกว่าคนอื่น
          ด้านบริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน)หรือ AU เปิดเผยว่า ประกาศดังกล่าวไม่กระทบต่อผลิตภัณฑ์ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับปรุงและแก้ไขส่วนผสมของขนมเรียบร้อยหมดแล้ว ปัจจุบันขนมหวานของบริษัททั้งหมดไม่มีส่วนผสมของกรดไขมันทรานส์ ทั้งนี้ยอมรับว่าเมื่อมีกระแสข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นก็ส่งผลให้มีนักลงทุนเข้ามาสอบถามเป็นจำนวนมาก ซึ่งบริษัทและอุตสาหกรรมได้รับรู้เรื่องดังกล่าวมาล่วงหน้า 6 เดือน ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีสอบถามไปยังโรงงานที่ผลิตส่วนผสมที่สำคัญ จึงมีการปรับปรุงสูตรและนำไอศกรีมบางรสที่มีส่วนผสมของไขมันทรานส์ออกไป พร้อมยืนยันว่าผลิตภัณฑ์หลักๆที่ใช้เป็นส่วนผสมของขนมหวานของบริษัทใช้แต่ของดีๆโดยเฉพาะในส่วนของเนยก็มีการนำเข้ามาจากประเทศที่เขาควบคุมเรื่องไขมันทรานส์อยู่แล้ว
          แหล่งข่าวจากบริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์จำกัด (มหาชน) หรือ TACC กล่าวว่า สินค้าของบริษัททุกตัวไม่มีส่วนผสมของไขมันทรานส์มาเป็นส่วนประกอบ และคาดว่าประกาศดังกล่าวจะไม่มีผลต่อการดำเนินงานของบริษัท และปัจจุบันกลุ่มสินค้าเบเกอรี่ของบริษัทมีสัดส่วนค่อนข้างน้อย เพราะเน้นที่เครื่องดื่มร้อน-เย็นเป็นหลักมากกว่า ซึ่งการออกสินค้าที่เป็นเบเกอรี่ก็เพื่อการทำโปรโมชั่นสำหรับการขายกันเป็นแพ็คคู่พ่วงกับเครื่องดื่มในร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น