พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า ฝุ่นละอองยังคงเป็นปัญหาหลักของกทม.ทำให้อากาศมีมลพิษปนเปื้อนอยู่มาก เป็นสาเหตุทำให้เจ็บป่วย โดยเฉพาะโรคระบบทางเดินหายใจจากข้อมูลสถิติผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจที่เข้ารักษาในโรงพยาบาลสังกัด กทม. ตั้งแต่ปี 49-54มีผู้ป่วยแต่ละปีเพิ่มขึ้น รวม381,984 ราย ซึ่งจากผลการตรวจวัดฝุ่นละอองบริเวณถนนใน กทม. ปี 54 จำนวน50 จุดพบมีปริมาณฝุ่นละอองเฉลี่ยใน 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 0.041-1.90 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และฝุ่นขนาดไม่เกิน 10 ไมครอนมีค่าระหว่าง 0.030-0.647

          สำหรับถนนที่มีฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินมาตรฐานมีจำนวน 18 สาย และถนนที่มีปัญหาฝุ่นละอองรวมเกินมาตรฐานมีจำนวน 9 สาย อย่างไรก็ตาม หากเทียบในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พบว่าคุณภาพอากาศโดยรวมในพื้นที่กรุงเทพฯ ดีขึ้น ฝุ่นละอองส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน คือค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ไม่เกิน 0.33 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ยกเว้นฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ยังเกินมาตรฐานที่ต้องเฉลี่ยไม่เกิน0.12 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

          พญ.มาลินี กล่าวต่อว่า สาเหตุของการเกิดฝุ่นละอองส่วนใหญ่มาจากควันดำ รถยนต์เครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งในปี55 มีรถยนต์จดทะเบียนสะสมใน กทม.ประมาณ 7.4 ล้านคัน และเป็นเครื่องยนต์ดีเซลประมาณร้อยละ 24 นอกจากนี้ยังมีฝุ่นที่เกิดจากการก่อสร้าง ฝุ่นจากการเผาในที่โล่งที่มีการเผาไหม้หญ้าใน กทม. เกือบ3,000 ครั้งต่อปี

          ทั้งนี้ กทม. จึงได้ร่วมกับกองบังคับการตำรวจจราจรและสำนักงานเขต ตรวจวัดรถยนต์ดีเซลทุกประเภททุกเดือน และร่วมกับกรมการขนส่งทางบกตรวจวัดควันดำรถโดยสารสาธารณะทุกเดือน นอกจากนี้กทม. ได้ร่วมกับคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล อยู่ระหว่างพัฒนาแนวทางการประเมินและตรวจรับรองคุณภาพอากาศในอาคาร เพื่อกำหนดค่าแนะนำและการให้การรับรองอาคาร และขอให้ประชาชนตระหนักในปัญหาดังกล่าวร่วมกัน หมั่นดูแลรักษาเครื่องยนต์ ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพ

          ใช้ระบบขนส่งมวลชนแทนการใช้รถยนต์ส่วนตัว ดูแลสุขภาพ หมั่นออกกำลังกายควรสวมหน้ากากอนามัย หรือหลีกเลี่ยงเข้าไปในสถานที่ที่มีฝุ่นเยอะหรือแออัด