HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
สยามรัฐ [ วันที่ 07/11/2555 ]
ชนะภูมิแพ้...คว้าโอกาสให้ชีวิต

สมาคมโรคภูมิแพ้ โรคหืดและวิทยา ภูมิคุ้มกันแห่งประเทศไทย ร่วมกับหน่วย โรคภูมิแพ้ทั้งแผนกเด็กและผู้ใหญ่ จาก 13 โรงพยาบาลของรัฐรวมทั้งภาคเอกชนได้ร่วมกันจัด “สัปดาห์รณรงค์ป้องกันโรค ภูมิแพ้” หรือ Allergy Expert Week 2012 ขึ้นเป็นครั้งแรก ภายใต้แนวคิด “ชนะภูมิแพ้ คว้าโอกาสให้ชีวิต” เพื่อกระตุ้นให้เกิดการป้องกัน และการดูแลตนเองของผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ ให้กลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติอย่างมีคุณภาพ และสามารถทำตามเป้าหมายชีวิตที่ตั้งไว้โดย ไม่มีโรคภูมิแพ้มาเป็นอุปสรรคอีกต่อไป
          ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม นายกสมาคมโรคภูมิแพ้ โรคหืดและวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โรคภูมิแพ้พบในทุกเพศทุกวัย แต่พบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ โดยมี 7 โรคหลักๆ คือ ภูมิแพ้ ทางระบบทางเดินหายใจ (ประกอบด้วย โรค ภูมิแพ้ทางจมูก และโรคหืด) ภูมิแพ้ทางผิวหนัง ภูมิแพ้ทางตา ภูมิแพ้อาหาร ภูมิแพ้ยา และการแพ้ที่อาจเป็นรุนแรงถึงชีวิตได้ (ภาวะ ช็อกรุนแรง)
          ทั้งนี้ ผลวิจัยพบว่า คนไทยกว่า 10 ล้านคนเป็นโรคภูมิแพ้ทางจมูก (20% ในผู้ใหญ่ และ 40% ในเด็ก) มีประมาณกว่า 5 ล้านคนเป็นโรคหืด และมีประมาณกว่า 1 ล้านคนเป็นโรคภูมิแพ้ทางผิวหนัง สาเหตุมาจากพันธุกรรมและสารก่อภูมิแพ้ในสิ่งแวดล้อม รวมถึงปัจจัยจากมลพิษในอากาศ เป็นต้น
          “โรคภูมิแพ้ที่เรื้อรังและเป็นมาก มีผล ต่อคุณภาพชีวิตมากมายกว่าที่คนทั่วไปจะตระหนัก นั่นคือทำให้คนที่เป็น เหนื่อยง่าย หายใจไม่อิ่ม อ่อนเพลียง่าย นอนไม่มีประสิทธิภาพ จนมีผลเสียต่อชีวิตประจำวัน ขาดเรียน การเรียนอ่อนลง ขาดงานหรือทำงานได้ด้อย ประสิทธิภาพลงได้ และไม่สามารถออกกำลัง ดั่งที่อยากทำได้ กลายเป็นคนเสียโอกาสในชีวิตไปหลายๆ ประการ”
          ดังนั้น การรณรงค์ครั้งนี้ จึงดำเนินภายใต้แนวคิด “ชนะโรคภูมิแพ้ คว้าโอกาสให้ชีวิต” เพื่อรณรงค์ส่งเสริมให้คนที่เป็นโรคภูมิแพ้ มีกำลังใจสามารถดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพในสิ่งที่ตนรักได้ หากดูแลรักษาตนเองอย่างถูกต้องและสำหรับวัยเรียนก็สามารถเรียนอย่างมีความสุขและเรียนได้ดี ซึ่งผู้ป่วยควรดูแลตนเองอย่างเหมาะสม โดยหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้และสารระคายเคืองต่างๆ หมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรงด้วยการออกกำลังกาย และรักษา โรคภูมิแพ้ด้วยการรับประทานยา ใช้ยาพ่นจมูกหรือยาสูดพ่น หรือการฉีดวัคซีนภูมิแพ้ เป็นประจำ จะสามารถลดอาการของโรคและป้องกันไม่ให้อาการของโรคภูมิแพ้กำเริบได้
          นายกสมาคมโรคภูมิแพ้ กล่าวต่อว่า โรคภูมิแพ้ยอดฮิตที่พบบ่อยในคนไทย ได้แก่ โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือโรคภูมิแพ้อากาศพบสูงถึงร้อยละ 20 ของประชากรทั่วไป คือ สำหรับผู้ใหญ่พบ 1 ใน 5 คน และสำหรับเด็ก พบบ่อยกว่าถึง 4 ใน 10 คน ทั้งประเทศมีคนทุกข์ทรมานจากโรคนี้ถึงกว่า 10 ล้านคน โดยอาการที่พบบ่อยของโรคภูมิแพ้ ได้แก่ อาการเป็นหวัดเรื้อรัง จาม คันจมูกบ่อย ไอบ่อยเวลาอากาศเปลี่ยน มีผื่นคันตามข้อพับ แขนขา เป็นๆ หายๆ หรือ มีอาการปากบวม หรือเกิดลมพิษขึ้นทันทีหลังรับประทานอาหาร แต่อาจมีอาการอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ และยังมีอาการผิดปกติบางอย่าง ที่อาจทำให้คาดไม่ถึงว่ามีสาเหตุสืบเนื่องมาจากการเป็นโรคภูมิแพ้ เช่น ผู้ที่ มีอาการเสียดท้องบ่อยๆ มีลมมากในท้อง อาจพบได้ในผู้ที่กลืนลมลงไปมากในท้อง เนื่องจากการหายใจทางปาก หรืออาการกรนในเวลากลางคืนที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีอาการคัดจมูกเรื้อรังจากโรคภูมิแพ้จมูกอักเสบ เป็นต้น หากไม่แน่ใจ ควรไปปรึกษา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้ เพื่อให้การ วินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม
          อย่างไรก็ตาม วัยรุ่นไทยปัจจุบันมีแนวโน้มเป็นโรคภูมิแพ้ทางจมูกเพิ่มขึ้นและ รุนแรงขึ้น เนื่องมาจากพฤติกรรมการดำรง ชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างมาก เช่น นอนดึกมาก ชอบใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านที่มีสารก่อภูมิแพ้และสารระคายเคืองสูง เช่น ชอบขับขี่มอเตอร์ไซค์อยู่ตามท้องถนน หรือชอบใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่แออัดเป็นเวลานาน ไม่ว่า จะเป็น ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ ร้านเกม ห้อง ซ้อมดนตรี การจัดปาร์ตี้สังสรรค์ ซึ่งมีทั้งการสูบบุหรี่ ฝุ่นควัน ส่งผลให้อาการโรคภูมิแพ้กำเริบรุนแรงขึ้น “โรคภูมิแพ้ทางจมูก ไม่ใช่โรคร้ายแรงถึงชีวิต แต่ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้จะมีอาการเรื้อรังจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตทั้งทางร่างกาย จิตใจ และการเข้าสังคม แย่ลง ทำให้ประสิทธิภาพการเรียนและการทำงานลดลง หากไม่ได้รักษาโรคนี้อย่าง ถูกต้อง อาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมา เช่น ไซนัสอักเสบ ผนังคออักเสบเรื้อรัง ภาวะ หยุดหายใจขณะหลับ หลอดลมอักเสบ หรือ หอบหืด ริดสีดวงจมูก หูชั้นกลางอักเสบโดยเฉพาะในเด็ก ภาวะมีน้ำขังในหูชั้นกลาง จมูก ไม่ได้กลิ่น หรือ นอนกรน เป็นต้น ดังนั้น ผู้ป่วย ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้ เพื่อให้การวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม”
          ทางด้าน ดร.พญ.วิภารัตน์ มนุญากร หน่วยโรคภูมิแพ้ ภูมิคุ้มกันและโรคข้อ ภาค วิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ร.พ.รามาธิบดี กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยทั่วไป โรคภูมิแพ้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ถ้าเราปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง โดยหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้และสารระคายเคืองต่างๆ เช่น ควันบุหรี่ ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ และหมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ด้วยการออกกำลังกาย และรักษาโรคภูมิแพ้ด้วยการ รับประทานยา ใช้ยาพ่นจมูก หรือยาสูดพ่น หรือการฉีดวัคซีนภูมิแพ้เป็นประจำ จะสามารถ ลดอาการของโรค และป้องกันไม่ให้เกิดโรคภูมิแพ้ขึ้นได้
          “การรักษามิได้ขึ้นกับการใช้ยาเพียงอย่างเดียว จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือ และการปฏิบัติตนอย่างถูกต้องของผู้ป่วยด้วย อาทิ การทำความสะอาดบ้าน ห้องนอน หมอน ผ้าห่ม ผ้าคลุมเตียง ห้องทำงาน รวมทั้ง เฟอร์นิเจอร์ พัดลม เครื่องปรับอากาศ รถยนต์ กำจัดแมลงสาบ มด แมลงวัน ยุง เนื่องจากเศษชิ้นส่วนและสิ่งขับถ่ายของแมลงเหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ และพยายามอย่าให้เกิดความชื้นขึ้นในบ้าน สำหรับผู้ป่วยที่แพ้สัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข แมว นก หนู ไม่ควรนำสัตว์ดังกล่าวมาเลี้ยงไว้ ในบ้าน และไม่ควรนำต้นไม้ที่ใส่กระถางปลูกมาไว้ในบ้าน เพราะดินอาจเป็นที่ เพาะเชื้อราได้”
          นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงอากาศที่เย็นหรือร้อนเกินไป การอดนอน การดื่ม แอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงอาหาร บางอย่าง เช่น อาหารทะเล ถั่ว ไข่ นม และหลีกเลี่ยงภาวะอารมณ์ที่ตึงเครียด ไม่สบายใจ ซึ่งผู้ป่วยควรสังเกตว่าสารใด หรือภาวะแวดล้อมอะไร ที่ทำให้อาการของโรคเป็นมากขึ้น ควรพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งนั้น จะช่วยสามารถบรรเทาอาการ ของโรคภูมิแพ้ลงได้อย่างมาก


pageview  1205652    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved