HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
สยามรัฐ [ วันที่ 07/11/2555 ]
เอไซชี้เออีซีมา ธุรกิจยาแข่งข้นกว่าเดิม

ชนชั้นกลาง-คนสูงอายุ บูมตลาดยาในเอเชีย เผยคนซื้อยากินเองเพิ่ม 10% ร้านขายยา-โรงพยาบาลเอกชนควง กันโต ด้านโรงพยาบาลรัฐตลาดแผ่ว “เอไซ” ประกาศลุยยาในอาเซียน เสริมทัพกลุ่มความงามปลายปี เดินหน้า “เอไซ เดย์” เสริมภูมิคุ้มกันโรคให้คนไทย ภาพรวมตลาดยาในเมืองไทยมีมูลค่า รวมกว่า 8 หมื่นล้านบาท (ราคาขายส่ง) แบ่งเป็นยาแบรนด์นอก 5.5 หมื่นล้านบาท อีก 2.5 หมื่นล้านบาทคือแบรนด์ยาในประเทศ หากมองในแง่การผลิต 80% ของตลาดยาผลิตในประเทศไทย
          การเติบโตของธุรกิจยาในเมืองไทยในปีนี้ ค่อนข้างชะลอตัว เนื่องจากการควบคุมการใช้ยาของโรงพยาบาลรัฐที่หดตัวลง 7% เป็นอัตราที่ลดลงต่อเนื่องมาแล้ว 2 ปี และคาดว่ากลุ่มโรงพยาบาล รัฐจะลดค่าใช้จ่ายด้านยาไปอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อยานำเข้าหรือยาแบรนด์นอก ซึ่งคาดว่า ตลาดจะหดตัวลงประมาณ 5-6 พันล้านบาทต่อปี ทั้งนี้อัตราส่วนการใช้ยาในโรงพยาบาลรัฐบาล ที่รวมทั้งโรงพยาบาลรัฐ โรงเรียนแพทย์ และโรงพยาบาลทหาร มีสัดส่วนถึง 70% จากตลาดรวม
          นายทวีศักดิ์ สีทองสุภณา ประธานกรรมการ บริษัท เอไซ (ประเทศไทย) มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดยานำเข้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม ที่ได้รับผลกระทบ ในทางกลับกัน กลุ่มแบรนด์ยาในประเทศมีแนวโน้มที่เติบโตขึ้น เหตุจากภาค รัฐหันมาใช้ยากลุ่มนี้ คาดว่าตลาดจะเพิ่มขึ้น 1-2 พันล้านบาทต่อปี
          ส่วนตลาดยาในโรงพยาบาลเอกชนและร้านขายยา เป็นกลุ่มที่ยังเติบโตสูง 8-10% เนื่อง จากกำลังซื้อของคนชั้นกลางมีมากขึ้น และผู้ป่วยที่นิยมซื้อยารับประทานเอง ประกอบกับจำนวนร้านขายยาที่มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ยังพบว่า อัตราการซื้อยาเพื่อกินเองของคนไทย ยังเพิ่มขึ้นถึง 10%
          ในส่วนของเอไซ ได้ปรับแผนการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนการให้ความร่วมมือในการปรับลดราคายาสำหรับกลุ่มยาภาค รัฐ และปรับทีมจำหน่าย โดยแยกทีมเข้าไปในกลุ่มโรงเรียนแพทย์ โรงพยาบาลเอกชน และร้านขายยา ซึ่งพบว่า ตลาดร้านขายยา เป็นตลาด ที่เติบโตสูงสุดถึง 27% ขณะที่ตลาดโรงพยาบาลเอกชนเติบโต 8% ส่วนตลาดยาในโรงเรียน แพทย์เติบโตที่ 4%
          สำหรับยอดขายของเอไซ ประเทศไทย ในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 1,250 ล้านบาท เป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ส่วนตลาดส่งออก (พม่า เวียดนาม ลาว กัมพูชา) มีอัตราการเติบโต 30% ทั้งนี้ ยอดขายในประเทศ 1,250 ล้านบาท แบ่งเป็นร้านขายยา 200 ล้านบาท โรงพยาบาลเอกชน 150 ล้านบาท ส่วนที่เหลือคือยอดขายผ่านโรงพยาบาลรัฐ
          นโยบายการบุกตลาดเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) เอไซมีเป้าหมายในการขยายตลาดในแถบนี้มากขึ้น โดยใช้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตเพื่อจำหน่าย ในประเทศอาเซียน ปัจจุบันเอไซ ประเทศไทย มีการว่าจ้างโรงงานในประเทศ เพื่อทำการผลิต บรรจุภัณฑ์และฉลากตามกฎระเบียบของแต่ ละประเทศ ส่วนตัวยาหลัก ยังนำเข้าจากญี่ปุ่น ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายว่า ภายใน 3 ปีข้างหน้าสัด ส่วนการส่งออกจะเพิ่มเป็น 30% จาก 15% ในปีนี้ และจะเพิ่มเป็น 40% ในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยขณะนั้นจะมียอดขายรวม 2 พันล้านบาท
          นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า แผนการทำตลาดของเอไซในประเทศไทย จะเพิ่มสัดส่วนกลุ่มยาที่ลูกค้าสามารถซื้อรับประทานเองได้ รวมทั้งกลุ่มเวชสำอาง โดยปลายปีนี้จะมีแผนการนำเข้ากลุ่มเสริมอาหารเพื่อผิวขาวจากญี่ปุ่นเข้ามาทำตลาด ส่วนต้นปีหน้า จะนำเข้ายาสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านม เข้ามาทำตลาดในโรงพยาบาลอีกด้วย และก่อนหน้านี้ ได้ทำตลาดยาแก้ไข้หวัด “อาปราคัวร์” ซึ่งถือเป็น การขยายกลุ่มยาระดับแมส โดยเริ่มวางจำหน่ายในร้านขายยา 1,000 แห่งในปีนี้ และจะขยายเป็น 3,000 แห่งในอนาคต
          ทั้งนี้ ตลาดยาในประเทศไทย แบ่งการแข่งขันเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มยาแบรนด์นอก ซึ่งมีทั้งผลิตในไทยและต่างประเทศ กลุ่มนี้จะแข่งขันกันที่การวิจัยพัฒนาเป็นหลัก
          ส่วนกลุ่มผู้ใช้ยาจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มที่อยู่ภายใต้การสนับสนุนจากทางภาค รัฐ และกลุ่มที่พร้อมซื้อยารับประทานเอง ทั้งช่องทางร้านขายยาและโรงพยาบาลเอกชน
          ภาพรวมประชากรผู้สูงอายุ ประกอบกับกลุ่มคนชั้นกลางที่มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ตลาดในเอเชีย มีอัตราการเติบโตที่น่าจับตามอง ประกอบกับกระแสรักสุขภาพของ ผู้บริโภค ที่เริ่มมองหาการบำรุงร่างกายและป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ กล่าวได้ว่า จากนี้ไปหลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะเห็นการขยายตัวของธุรกิจสุขภาพอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งบริษัทยาที่จะใช้สื่อโฆษณาหรือบุกตลาดอย่างเข้มข้นกว่าเดิม
          ขณะที่เอไซ ประเทศไทย ซึ่งอยู่ในตลาด เมืองไทยมากว่า 30 ปี ยังคงเดินหน้าทำตลาดและขยายตลาดยาด้วยการแนะนำสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งคงนโยบายเพื่อเสริม สร้างความรู้และภูมิคุ้มกันในการป้องกันโรคของ คนไทย โดยการจัดกิจกรรมซีเอสอาร์ ภายใต้กิจกรรมเอไซเดย์ ซึ่งปีนี้ “เอไซเดย์ 2012 นวัตกรรมสุขภาพ” จัดขึ้นมาเป็นปีที่ 8 ครั้งที่ 40 ภายใต้งบประมาณ 10 ล้านบาท จากงบประมาณด้านซีเอสอาร์ที่ใช้กว่า 20 ล้านบาทต่อปี
          “ยังมีผู้ป่วยอีกมากมายที่รอคอยการค้น คว้าวิจัยยารักษาโรคใหม่ๆ สำหรับโรคที่ยังไม่มีทางรักษาหาย สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของเอไซ ที่จะค้นคว้าวิจัยยาใหม่ๆ สำหรับผู้ป่วยเหล่านั้น รวมทั้งการให้ความรู้แก่ประชาชนควบคู่ได้ด้วย โดยเป้าหมายที่สำคัญ คือ การแนะนำให้ผู้ป่วยรู้จักดูแลสุขภาพของตนเอง และตระหนักรู้ถึงอาการป่วยของตนเองแต่เนิ่นๆ เป็นการป้องกันก่อนการเจ็บป่วยทั้งหลาย รวมทั้ง การใช้ยาอย่าง ถูกต้อง เนื่องจากโรคหลายโรคหากรับประทานยาไม่ถูกต้องจะทำให้โรคลุกลามและรุนแรงยิ่งกว่าเดิม” นายทวีศักดิ์ กล่าวในตอนท้าย


pageview  1205654    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved