HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
สยามรัฐ [ วันที่ 13/07/2564 ]
ซิโนแวค+แอสตราสั่งเริ่มใช้ทันที สธ.ปรับสูตรฉีดวัคซีน2เข็มแรก

 ศบค.พบหลายจังหวัดเกิดคลัสเตอร์ใหม่เพิ่มทำผู้ติดเชื้อพุ่ง 8,656
          "ศบค." เผยไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่8,656 ราย เสียชีวิต 80 ราย อยู่อันดับ60 ของโลก ขณะที่ "กทม." ยังติดเชื้ออันดับ 1 และเสียชีวิตมากสุดระบุหลายจังหวัดยังคงพบคลัสเตอร์ใหม่เพิ่ม ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง"สธ."แถลงยกเลิกใช้ "ซิโนแวค" 2 เข็ม หลัง "คกก.โรคติดต่อแห่งชาติ" มีมติปรับสูตรวัคซีนใหม่ ฉีด "ซิโนแวค+แอสตราฯ" พร้อมสั่งการด่วนทุกโรงพยาบาลเริ่มทันที
          ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่12 ก.ค.64 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่8,656รายโดยแบ่งเป็นติดเชื้อในประเทศ 8,583 ราย จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 73 ราย พบผู้ป่วยยืนยันสะสม 345,027 ราย รักษาหายป่วยเพิ่ม 3,687 ราย สะสม 251,658 ราย กำลังรักษาอยู่ 90,578 ราย แบ่งเป็นรักษาในโรงพยาบาล 51,288 ราย และโรงพยาบาลสนาม 39,290 ราย เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 2,895 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 747 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 80 ราย รวมเสียชีวิต 2,791 คน
          โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 8,656 ราย เป็นผู้ติดเชื้อจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 6,044 ราย จากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน2,515 ราย จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 73 ราย และผู้เดินทางมาจากต่างประเทศเข้า State Quarantine 24 ราย สำหรับผู้เสียชีวิตทั้ง 80 ราย ชาย 37 ราย หญิง43 ราย กทม. 44 ราย สมุทรปราการ 6 ราย ปทุมธานี 3 ราย สมุทรสาคร 3 รายปัตตานี 5 ราย ยะลา กำแพงเพชร จังหวัดละ 2 ราย เชียงราย เพชรบุรี กาญจนบุรีภูเก็ตนครนายกชลบุรีพิจิตร สุพรรณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ พระนครศรีอยุธยาอ่างทอง อุตรดิตถ์ สมุทรสงคราม อุดรธานีจังหวัดละ 1 ราย โรคประจำตัวยังเป็นปัจจัยเสี่ยงความดันโลหิตสูง เบาหวานไขมันในเลือดสูง อายุค่ากลาง 66 ปีอายุน้อยสุด 30 ปี อายุมากสุด 94 ปีเป็นชาวไทย 79 ราย เมียนมา 1 รายนอนนานสุด 61 วัน สำหรับผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ยังพบผู้ที่หลบหนีเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ มาจากมาเลเซีย 4 ราย เมียนมา 7 รายฝั่งแม่สอด จ.ตาก
          ทั้งนี้ หลายจังหวัดที่เหลือยังคงพบการติดเชื้อเพิ่มเติมในคลัสเตอร์เดิมที่พบต่อเนื่อง อย่างคลัสเตอร์มัรกัส ยังคงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มต่อเนื่อง ถึงแม้จะเป็นตัวเลขที่เล็ก
          ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข(สธ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ผ่านการไลฟ์สดทางเฟซบุ๊ก ว่า จากการมีมาตรการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 จึงมีการแถลงข่าวแบบออนไลน์ โดยสถานการณ์โควิด-19 ในกรุงเทพมหานคร(กทม). และปริมณฑล ยังน่าเป็นห่วง ยังพบผู้ติดเชื้อต่อเนื่อง จากการระบาดของสายพันธุ์เดลตา และแพร่กระจายไปยังจังหวัดซึ่งขณะนี้พบผู้ติดเชื้อประมาณ 1 หมื่นรายต่อวัน หรือประมาณ 1 แสนกว่ารายใน 2 สัปดาห์นี้ ส่งผลให้การอัตราการเสียชีวิตมากขึ้น จึงต้องมีมาตรการป้องกันโรคที่เข้มงวดและมีประสิทธิภาพ
          นายอนุทิน กล่าวว่า มาตรการยาแรงที่ดำเนินการพร้อมกันในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด คือ ห้ามมีการรวมกลุ่มกันเกิน 5 คน ปิดสถานที่เสี่ยง จำกัดการเดินทางข้ามจังหวัด ลดจำนวนขนส่งสาธารณะข้ามจังหวัดระยะไกล ให้มีการทำงานจากที่บ้าน (Work From Home)ของเอกชนและรัฐมากที่สุด และมีการปรับแผนฉีดวัคซีน ระดมฉีดให้แก่ผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรคและตั้งเป้าฉีดวัคซีนอายุ 60 ปีขึ้นไปให้ได้ 1 ล้านคนใน 2 สัปดาห์นี้ โดยเฉพาะพื้นที่ระบาดรุนแรงใน กทม. และปริมณฑล ซึ่งปัจจุบันฉีดวัคซีนไปแล้วมากกว่า 12 ล้านโดส แต่กลุ่มเสี่ยงผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรังยังฉีดให้กลุ่มนี้น้อย ไม่ครบตามที่ตั้งเป้า จึงต้องเร่งฉีดให้มากที่สุดและโดยเร็วที่สุด
          นายอนุทิน กล่าวว่า สำหรับการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติมีการพิจารณาประเด็นการควบคุมโรคโควิด 4 ประเด็น 1.เห็นชอบการฉีดวัคซีนโควิด-19 สลับชนิด โดยเข็มที่ 1 เป็นซิโนแวค เข็มที่ 2 เป็นแอสตราเซเนกา ระยะห่างกัน 3-4 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อกลายพันธุ์เดลตา โดยโรงพยาบาล(รพ.) ต่างๆสามารถดำเนินการได้ทันที เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่เสียสละดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง
          2.ที่ประชุมรับทราบการฉีดวัคซีนแบบบูสเตอร์ โดส(Booster dose)โดยให้วัคซีนเข็มที่ 3 ห่างจากเข็ม 2 ในระยะ 3-4 สัปดาห์ขึ้นไป โดยบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มเกิน 4 สัปดาห์แล้ว จึงจะดำเนินการฉีดกระตุ้นบูสเตอร์โดสได้ทันที เพื่อกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันสูง และเร็วที่สุดกับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่เสี่ยงสัมผัสเชื้อโควิด-19 จากการปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วย และจากการกลายพันธุ์จากอัลฟา มาเป็นเดลตา จึงยิ่งมีความจำเป็นต้องฉีดกระตุ้น
          "การบูสเตอร์ โดส จะเป็นแอสตราฯ เป็นหลัก เพราะมีข้อมูลทางวิชาการว่า การให้วัคซีนกระตุ้นคนละชนิดจะเป็นผลดีต่อการสร้างภูมิคุ้มกันในบุคคล เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 มากขึ้น"นายอนุทิน กล่าว
          นายอนุทิน กล่าวอีกว่า 3.ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางในการใช้ชุดตรวจแรพิดแอนติเจน เทสต์ ในสถานพยาบาล ลดการไปรอคิวนานจากการรอตรวจ RTPCR ซึ่งใช้เวลานาน โดยชุดตรวจแรพิดแอนติเจน เทสต์ มาใช้นั้น ต้องมีการผ่านการรับรอง และขึ้นทะเบียนกับ อย.ปัจจุบันมีผู้มาขึ้นทะเบียน 24 ราย โดยจะอนุญาตให้ตรวจมาตรฐานในสถานพยาบาลกว่า 300 แห่ง และเร็วๆ นี้จะอนุญาตให้ตรวจได้เองในประชาชนที่บ้านซึ่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด จะมอบหมายให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
          4.เห็นชอบแนวทางการแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) และแยกกักในชุมชน (Community Isolation)สำหรับผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรง สามารถแยกกักที่บ้าน หรือในส่วนของชุมชนนั้นก็จะเป็นการแยกกักในบ้านที่อยู่ในชุมชนจำนวนมาก ทั้งหมดจะมีระบบติดตามมีเครื่องมือวัดออกซิเจนในกระแสเลือดมียา โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีแนวทางและจัดส่งอาหารให้ผู้ป่วยทุกราย ซึ่ง สปสช.จะร่วมมือกับ รพ.ที่เป็นเจ้าภาพในการดูแลเรื่องนี้
          "นอกจากนี้ ยังรับทราบเรื่องหน่วยบริการปฐมภูมิ ในพื้นที่ กทม. เพื่อเข้าดูแลผู้ป่วยถึงบ้าน ทั้งทางกายและจิตใจหรือผู้ป่วยที่กลับมาจาก รพ.แล้ว และจะมีชุดคัดกรองแรพิด แอนติเจน เทสต์ไปให้บริการถึงชุมชนถึงบ้านที่ตัวเองอยู่แต่เรื่องที่ยังต้องปฏิบัติคือ การดูแลป้องกันโรค สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ ไม่รับประทานอาหารร่วมกัน ทั้งในบ้าน และนอกบ้าน ลดการเดินทาง ตามแนวทางที่ ศบค.กำหนดไว้ซึ่งเรามั่นใจว่าจากมาตรการและความร่วมมือร่วมใจของประชาชนทุกคนจะลดจำนวนผู้ป่วยโควิดได้" นายอนุทิน กล่าว
          ทั้งนี้ แหล่งข่าวระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงมติข้อที่ 1 ถึงการฉีดวัคซีนสลับชนิดด้วยซิโนแวคเป็นเข็มที่ 1 และแอสตราฯ เป็นเข็มที่ 2 ว่า การฉีดวัคซีนสลับชนิด เข็มที่ 1 เป็นซิโนแวค เข็มที่ 2 เป็นแอสตราฯ จะดำเนินการฉีดในประชาชนทั่วไป จากนี้ไปจะเราจะไม่มีการฉีดวัคซีนเข็ม 1 เข็ม2 เป็นซิโนแวค บวกซิโนแวคอีก ทั้งนี้จากข้อมูล การฉีดเข็มที่ 1 เป็นซิโนแวคเข็มที่ 2 เป็นแอสตราฯ นั้นสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงเกือบเท่ากับการฉีดแอสตราฯ 2 เข็ม แต่ข้อดี คือสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันสูงได้ในเวลาเร็วกว่า


pageview  1206089    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved