ไฟเขียวจัดมวยผับ-บาร์ยังเสี่ยง
          เล็งยกเลิกเคอร์ฟิว-ปลดล็อก 95 เปอร์เซ็นต์ "ศบค." ปลื้มไร้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ ไม่มีตาย ย้ำสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆและรักษาระยะห่างทางสังคม "วิษณุ" โยน "เลขาฯสมช." ตอบปมเลิก-ไม่เลิกประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ-ทดลองเลิกเคอร์ฟิวขณะที่ยอดติดเชื้อทั่วโลกยังพุ่งต่อเนื่อง
          ที่กระทรวงสาธารณสุข  เมื่อวันที่11มิ.ย.63 พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค.แถลงว่า รายงานสถานการณ์ของประเทศไทยวันนี้ ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสม 3,125 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิตสะสม 58 ราย หายป่วยกลับบ้านเพิ่มอีก6 ราย รวมยอดหายป่วยสะสม 2,987 รายและยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 80 ราย ซึ่งผู้ติดเชื้อภายในประเทศยังอยู่ที่ 0 ราย ต่อเนื่องเป็นวันที่ 17
          "วันนี้ตัวเลขผู้ป่วยโควิด 0 ราย ถือเป็นความสุข และเรื่องที่น่ายินดี สำหรับคนไทยทุกคน ไม่มีจำนวนผู้ติดเชื้อภายในประเทศวันนี้เลย อย่างไรก็ตาม ความสุขนี้ต้องเก็บไว้ในใจ สิ่งที่ยังคงต้องปฏิบัติกันต่อไปคือ ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อ ทั้งสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ และการรักษาระยะห่างทางสังคม"
          ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ได้เป็นประธานประชุม ศบค.ชุดเล็ก โดยมีนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค, นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)และในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการลดการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เข้าร่วมประชุม
          ต่อมา พล.อ.สมศักดิ์ เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า ขณะนี้ที่ประชุม ศบค.ได้ข้อสรุปแล้วว่าจะมีมาตรการผ่อนปรนกิจกรรมและกิจการในระยะที่ 4 ให้เกือบหมดประมาณ 95 เปอร์เซ็นต์ โดย พล.อ.ประยุทธ์เน้นย้ำว่าที่ผ่านมาประชาชนได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี จึงให้มีการผ่อนคลายให้ได้มากที่สุดด้วยความระมัดระวัง ซึ่งครั้งนี้จะผ่อนคลายเกือบทั้งหมด
          เมื่อถามว่า จะมีการยกเลิกเคอร์ฟิวหรือไม่นั้น พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ขอให้รอฟังข่าวดีในวันที่ 12 มิ.ย. ซึ่งไม่ใช่ทดลองยกเลิกเคอร์ฟิว 15 วัน แต่เป็นการพิจารณายกเลิกหรือไม่ยกเลิก อย่างไรก็ตาม ตนจะรายงานผลการประชุมศบค.ชุดเล็กให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย รับทราบด้วย
          พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนมวยอนุญาตให้จัดการแข่งขันได้โดยให้เป็นการถ่ายทอดสด แต่ไม่ให้มีผู้เข้าชม รวมถึงการจัดการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆส่วนผับบาร์ต้องขอไว้ก่อนเพราะถือว่ายังมีความเสี่ยงอยู่ ให้รออีกนิด ส่วนที่เป็นร้านอาหารทั่วๆ ไปอนุญาตให้จำหน่ายและนั่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้จากเดิมไม่ให้นั่งกินที่ร้านให้ซื้อกลับไปกินที่บ้าน รวมถึงอาบอบนวดยังไม่อนุญาต
          ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงการเสนอของฝ่ายความมั่นคงในการทดลองยกเลิกเคอร์ฟิว 15 วัน แต่ยังคงประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินตามปกติว่า ต้องถามจาก พล.อ.สมศักดิ์รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพราะไม่ได้เข้าประชุมด้วยและไม่ใช่เนวิเกเตอร์
          เมื่อถามว่า ภาคธุรกิจอยากให้เลิกประกาศเคอร์ฟิว แต่รับได้หากยังคงพ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายวิษณุ กล่าวว่า ก็เคยบอกไปแล้วว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินมีผล 6 ประการ ตามมาตรา 9 ที่ใช้มา  หากไม่ต้องการใช้หมดทั้ง 6 ประการ จะยกเลิกไป4-5 ประการ เช่น เคอร์ฟิว การห้ามชุมนุมก็ได้ แต่ พ.ร.ก.ฉุกเฉินยังคงไว้ หรือจะเลิกประกาศสถานการณ์ก็ได้
          ด้าน สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า องค์การอนามัยโลก หรือดับเบิลยูเอชโอ(ฮู) เปิดเผยถึงความไม่มั่นใจต่อสภาพอากาศในช่วงฤดูร้อนจะมีผลกระทบกับเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไม่
          โดย นายไมเคิล ไรอัน หัวหน้าสำนักงานโครงการฉุกเฉินแห่งองค์การอนามัยโลก กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ขณะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่สำนักงานใหญ่ของดับเบิลยูเอชโอ ในนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีข้อบ่งชี้ที่ระบุได้อย่างแน่ชัดว่าฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึงในภูมิภาคซีกโลกเหนือจะส่งผลกระทบต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไม่ รวมถึงไม่ทราบว่าพฤติกรรมของเชื้อโรคนี้จะเป็นอย่างไรในอนาคตที่จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนที่จะมาถึง
          ขณะที่ สถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องทั่วโลกส่งผลให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้น 7,458,921 ราย ผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 419,020 รายและผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายมีจำนวนสะสม 3,778,218 ราย โดยประเทศสหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยสะสมสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 2,066,401 ราย และมีผู้ป่วยเสียชีวิตสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 115,130 ราย