HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
สยามรัฐ [ วันที่ 18/05/2555 ]
หนักใจ...ในกลิ่นปาก

          ทพ.วิวัธน์ เฉลิมรัตนโรจน์
          สมาคมโรงพยาบาลเอกชน
         
          มีหลายๆ ท่านประสบปัญหากลิ่นปาก จนเพื่อนฝูงพากันเบือนหน้าหนียามสนทนาด้วย แต่ส่วนใหญ่แล้วคนเราจะไม่ได้กลิ่นปากของตนเองแต่ผู้อื่นมักจะได้กลิ่น วิธีง่ายๆ ในการตรวจกลิ่นปากด้วยตัวเองก็คือ อ้าปากหายใจออกแรงๆ รดมือตัวเองที่เอาขึ้นป้องไว้ใกล้ๆ ปาก จากนั้นสูดหายใจเข้าลึกๆ ทันที หากมีกลิ่นปากคุณก็จะรู้สึกได้
          การเกิดกลิ่นปากมีสาเหตุได้หลายประการ ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุเดียวหรือหลายสาเหตุร่วมกันก็ได้ อาทิ
          *  การดูแลสุขอนามัยภายในช่องปากไม่ดี
          - การบ้วนปากหรือแปรงฟันไม่สะอาด ทำให้เศษอาหารที่รับประทานเข้าไปตกค้างหมักหมม จุลินทรีย์ที่อยู่ในปากจะย่อยสลายเศษอาหารทำให้เกิดการบูดเน่าและกลิ่นเหม็นได้
          - การปล่อยให้มีฟันผุก็เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อย เพราะเมื่อฟันผุเป็นรูทำให้เศษอาหารไปอุดค้างอยู่ในช่องฟันที่ผุและเกิดการย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ทำให้เกิดกลิ่นขึ้นได้
          - หินปูนมีส่วนทำให้เกิดกลิ่นปากได้มากทีเดียว เพราะหินปูนที่เกาะอยู่ตามคอฟันจะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อจุลินทรีย์ในปากและยังเป็นต้นเหตุให้เกิดเหงือกอักเสบ
          - โรคในช่องปาก เช่น เหงือกอักเสบซึ่งเหงือกจะบวมแดง ถ้าปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้อาการอักเสบลุกลามจนเป็นหนองซึ่งจะทำให้เกิดกลิ่นปากที่รุนแรงมาก หรือการมีฝ้าขาวที่ลิ้นมีแผลที่เยื่อบุปากหรือกรุพุ้งแก้มเรื้อรังก็เป็นสาเหตุให้เกิดกลิ่นปากได้เช่นเดียวกัน
          - ผู้ที่ใส่ฟันปลอม หากดูแลไม่ถูกวิธีอาจทำให้ฟันปลอมกดทับเหงือกจนเกิดเป็นแผลอักเสบ หรือการทำความสะอาดฟันปลอมไม่ดีพอทำให้มีเศษอาหารติดอยู่ตามซอกฟันและเกิดการหมักหมมจนบูดเน่า
          * การรับประทานอาหารบางชนิดที่มีกลิ่นแรกหรือมีกำมะถันเป็นองค์ประกอบในปริมาณมาก เช่น กระเทียม หัวหอม เนื้อสัตว์ สะตอ ชะอม เป็นต้น ซึ่งอาหารเหล่านี้จะทำให้เกิดกลิ่นตกค้าง นอกจากนั้นบรรดาเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เมื่อผ่านกระบวนการย่อยจะทำให้เกิดกลิ่นเปรี้ยวและลมหายใจมีกลิ่นเปลี่ยนไปได้
          * การมีโรคบางระบบของร่างกาย เช่น ไซนัสอักเสบ โรคของระบบทางเดินหายใจ เช่น หวัด วัณโรคปอด เป็นต้น หรือแม้แต่โรคเบาหวาน ซึ่งกลิ่นปากที่เกิดจากโรคเบาหวานจะมีลักษณะเฉพาะคือ มีกลิ่นคล้ายกลิ่นผลไม้หรือน้ำยาล้างเล็บ
          * เกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น การรับประทานยาบางชนิดที่มีผลทำให้การผลิตน้ำลายน้อยลง หรือในผู้สูงอายุซึ่งร่างกายผลิตน้ำลายลดลงทำให้ปากแห้ง ซึ่งตามปกติแล้วน้ำลายเป็นน้ำยาล้างปากตามธรรมชาติที่จะช่วยขจัดจุลินทรีย์ในปากให้ลดลงได้ แต่เมื่อการหลั่งน้ำลายไม่เป็นไปตามปกติจุลินทรีย์ในปากก็จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นและสร้างกลิ่นที่รุนแรงขึ้นได้ หรือแม้แต่การสูบบุหรี่ก็ส่งผลให้ลมหายใจเกิดกลิ่นได้เช่นกัน
          ปัญหากลิ่นปากสามารถแก้ไขได้แต่จะต้องรู้ถึงสาเหตุของกลิ่นปากเสียก่อน การแก้ที่ปลายเหตุ เช่น ให้น้ำยาบ้วนปากจะแก้ปัญหาได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น กลิ่นปากก็จะกลับมาอีกเพราะต้นเหตุที่ทำให้มีกลิ่นปากยังไม่ถูกขจัดออกไป การแก้ไขจึงควรพิจารณาไปตามสาเหตุ ดังนี้
          * ควรดูแลรักษาสุขอนามัยภายในช่องปาก ดังนี้
          - ถ้ากลิ่นปากเกิดจากการบ้วนปากหรือแปรงฟันไม่สะอาด ควรพิถีพิถันและให้เวลามากขึ้นโดยการแปรงฟันอย่างถูกวิธีเพื่อขจัดเศษอาหารออกไป การแปรงฟันควรทำทุกวันอย่างน้อย 2 ครั้ง คือตอนเช้า และก่อนนอน แต่เราสามารถแปรงฟันหลังทุกมื้ออาหารได้ถ้ามีเวลาและโอกาสอำนวย แต่ถ้าไม่สามารถปฏิบัติได้ การบ้วนปากแรงๆ หลายๆ ครั้งหลังรับประทานอาหารก็เป็นวิธีขจัดเศษอาหารที่ดีเช่นกัน อาจใช้ไหมขัดฟันช่วยในกรณีที่มีฟันเก หรือตำแหน่งที่ขนแปรงเข้าไม่ถึงหรือจะใช้กับฟันทุกซี่ก่อนแปรงฟันก็ได้จะช่วยให้เศษอาหารถูกขจัดออกไป
          - อย่าปล่อยให้มีฟันผุหรือหินปูนติดตามคอฟัน อาจตรวจดูด้วยตนเอง หรือถ้าไม่มั่นใจควรไปพบทันตแพทย์ หากมีฟันซี่หนึ่งซี่ใดผุจะได้รักษาให้ถูกต้อง ส่วนหินปูนนั้นควรจะไปขูดหินปูนและรับการตรวจฟันทุกๆ 6 เดือน อย่าปล่อยไว้จนเกิดอาการเหงือกอักเสบตามมา
          - ดูแลภายในช่องปากโดยหมั่นสังเกตเหงือก ลิ้น เยื่อบุปาก หรือกระพุ้งแก้มว่ามีความผิดปกติหรือไม่ ถ้าพบควรไปพบทันตแพทย์เพื่อหาทางแก้ไขอย่าปล่อยให้โรคลุกลามจนการแก้ไขยุ่งยากลำบากโดยไม่จำเป็น ในกรณีลิ้นเป็นฝ้าขาวคุณอาจจะใช้ผ้าก๊อซเช็ดฝ้าขาวๆ ออกทุกเช้า และภายหลังการแปรงฟันควรนวดเหงือกเป็นประจำเพื่อให้เหงือกแข็งแรง ส่วนลิ้นควรแปรงลิ้นให้สะอาดโดยเลือกแปรงสีฟันที่มีขนแปรงค่อนข้างนุ่มเพื่อไม่ให้ลิ้นเกิดการระคายเคือง ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับฟันปลอมควรแก้ไขให้ถูกต้องโดยจัดการด้วยตัวคุณเองก่อน เช่น การดูแลทำความสะอาดฟันปลอมแต่ถ้าปัญหาไม่ทุเลาคงต้องไปปรึกษาทันตแพทย์
          * ควบคุมอาหารที่มีกลิ่นแรงรวมถึงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ โดยเลี่ยงหรือทานให้น้อยลง แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ การแก้ไขที่ดีที่สุดก็คือ การแปรงฟันหรือบ้วนปากแรงๆ หลายๆ ครั้งทันทีหลังทานอาหารเหล่านั้น รวมกับการอมยาดับกลิ่นปากประเภทสมุนไพรก็จะช่วยกำจัดกลิ่นปากลงได้
          * กลิ่นปากที่เกิดจากโรคบางระบบของร่างกาย จะแก้ไขได้โดยการรักษาโรคนั้นๆ ให้หายขาด ส่วนสาเหตุอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน เช่น หยุดรับประทานยาบางชนิดที่ทำให้ปากแห้งงดการสูบบุหรี่ก็จะช่วยให้กลิ่นปากลดลงได้ นอกจากนั้น ในผู้สูงอายุที่มีสุขภาพแข็งแรงสามารถป้องกันอาการปากแห้งซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นปากได้ด้วยการดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว หรือดื่มน้ำผลไม้เพื่อช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำลาย
          ปัญหากลิ่นปากเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ดังนั้น ถ้ามีกลิ่นปากควรหาต้นเหตุของปัญหาให้พบแต่เนิ่นๆ แล้วขจัดต้นเหตุนั้นเสียเพื่อให้ลมหายใจกลับมาหอมสดชื่นอีกครั้ง


pageview  1205453    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved