|
|
|
สยามรัฐ [ วันที่ 12/07/2562 ] |
|
|
|
|
ชู รางจืด สู้พิษยาฆ่าแมลง ห่วงเกษตรกรไทยตายผ่อนส่งแนะใช้ภูมิปัญญาพื้นบ้าน |
|
|
|
|
นพ.สรรพงศ์ ฤทธิรักษา รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกกล่าวว่า ข้อมูลกรมควบคุมโรค ก.สาธารณสุข พบว่าสถานการณ์การเจ็บป่วยจากพิษสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ปี 2544-2560 มีผู้ป่วย 34,221 ราย เสียชีวิต 49 ราย โดยเฉลี่ยมีผู้ป่วยปีละ 2,013 ราย นอกจากนี้ จากรายงานประจำปี 2561 สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค ได้คัดกรองความเสี่ยงจากการสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืชพบปี 2561 มีผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเสี่ยงและไม่ปลอดภัยร้อยละ 40.99 คิดเป็น 342,737 ราย จากทั้งหมด836,118 ราย
ในช่วง มิ.ย-ส.ค.ของทุกปี เป็นช่วงฤดูฝน ฤดูเพาะปลูก เกษตรกรจึงใช้สารเคมีเพื่อเร่งผลผลิต อีกทั้งใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายและเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทาง คือ ทางการหายใจ ทางปาก ทางผิวหนัง อาการและความรุนแรงจะขึ้นกับระดับสารพิษที่ได้รับ ดังนั้น เกษตรกรที่ต้องฉีดพ่นยาควรป้องกันร่างกายตนเอง
ส่วนศาสตร์การแพทย์แผนไทยมีการนำสมุนไพรรางจืด มาใช้ขับสารพิษจากยาฆ่าแมลงหรือ สารกำจัดศัตรูพืช เพียงใช้ใบสด 5-7 ใบ คั้นกับน้ำ 1 แก้ว (250 มิลลิลิตร) รับประทานก่อนอาหาร 3 เวลา ต่อเนื่อง 7 วัน ที่แนะนำให้ใช้เพียง 7 วันเพราะรางจืดมีฤทธิ์เย็นเมื่อกินติดต่อกันอาจทำให้ระบบในร่างกายเสียสมดุลได้ โดยโรงพยาบาลในไทยหลายแห่งได้ศึกษาและนำมาใช้จริงกับเกษตรกลุ่มเสี่ยงที่ใช้สารเคมี ทำให้พบว่า ภูมิปัญญาดังกล่าวนำมาใช้ควบคู่กับการป้องกันตัวเองจากสารเคมี นับเป็นการบรรเทาอาการจากสารพิษดังกล่าวได้อีกทางหนึ่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การป้องกันตัวเองเบื้องต้นก่อนสัมผัสสารเคมีทางร่างกายก็ยังต้องทำเป็นลำดับแรก
ทั้งนี้ ปัจจุบันรางจืดเป็นยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ มีสรรพคุณถอนพิษเบื่อเมา ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยเบาหวาน เพราะอาจเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ และผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาอื่นอย่างต่อเนื่องเพราะรางจืดอาจเร่งการขับยาเหล่านั้นออกจากร่างกาย ทำให้ประสิทธิผลของยาลดลง |
| | |
|
| |