นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เผยปัจจุบัน "โรคมะเร็ง" มีอุบัติการณ์เกิดโรคสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 54 มีผู้ป่วยมะเร็งทั่วโลกกว่า 14.1 ล้านคน และในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตราว 8.2 ล้านคนสำหรับไทยโรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งพบผู้ป่วยมะเร็งราว 112,392 คนที่พบมากอันดับหนึ่ง ได้แก่ มะเร็งตับ ตามด้วยมะเร็งปอด มะเร็งเต้านมมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง มะเร็งปากมดลูก การรักษาด้วยยาเคมีบำบัดสามารถช่วยให้ผู้ป่วยหายจากโรค หรือควบคุมโรคไม่ให้ก้อนมะเร็งโตขึ้นและไม่แพร่กระจายไปอวัยวะอื่น การรักษาด้วยยาเคมีบำบัดอาจใช้ยาชนิดเดียวหรือหลายชนิดร่วมกันขึ้นอยู่กับชนิดและระยะโรค โดยมีทั้งรับประทาน และฉีด
          นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า ผลข้างเคียงที่พบบ่อยไม่ว่าจะเป็นซีด เพลีย เหนื่อยง่าย เกิดรอยฟกช้ำตามตัวง่าย เลือดออกหยุดยากติดเชื้อง่ายเกิดจากยาเคมีบำบัดทำลายเซลล์ในไขกระดูกคือเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือด คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปากเป็นแผล ท้องเสีย เกิดจากยาเคมีบำบัดทำลายเซลล์ในระบบทางเดินอาหาร และอาจผมร่วง ผิวคล้ำ เล็บคล้ำเล็บเปราะ ชาปลายมือ-เท้า ปวดกระดูกข้อ-กล้ามเนื้อ
          อย่างไรก็ตาม ไม่ได้เกิดขึ้นเหมือนกันทุกคน บางคนแพ้มากไม่ได้แปลว่ามะเร็งกำเริบ ให้คิดแง่บวกว่ายากำลังออกฤทธิ์จัดการเซลล์มะเร็ง ต้องมีบ้างที่เซลล์ปกติจะต้องโดนไปด้วย คนที่ไม่ค่อยมีอาการข้างเคียงเพราะร่างกายแข็งแรงเป็นทุนเดิมจึงต้านทานฤทธิ์ยาได้ ในช่วงเวลาที่กำลังได้รับยาควรบำรุงร่างกายกินอาหารครบ 5 หมู่ ให้กำลังใจตัวเองว่า ผลข้างเคียงเกิดชั่วคราวแค่ในช่วงที่กำลังได้รับยาหรือหลังจากได้รับยาช่วงสั้นๆ เป็นส่วนใหญ่