กรุงเทพฯ : แพทย์จุฬาฯชี้โรคภูมิแพ้ในเด็กเล็กทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลสูง เผยผลวิจัยปี 53 ตัวเลขสูงถึง 27,000 ล้านบาทต่อปี แนะโภชนาการที่เหมาะสมป้องกัน ทั้งเลี้ยงด้วยน้ำนมมารดาและนมสูตรพิเศษ
          ระหว่างการสัมมนาเชิงวิชาการเรื่อง "กันไว้ดีกว่าแก้ ภาวะโรคภูมิแพ้ขจัดได้" ซึ่งจัดโดยบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด รศ.พญ.จรุงจิตร์ งามไพบูลย์ หัวหน้าหน่วยโรคภูมิแพ้และวิทยาภูมิคุ้มกัน ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยผลการศึกษาเกี่ยวกับภาระค่าใช้จ่ายจากการรักษาโรคภูมิแพ้เด็กแรกเกิดอายุ 0-5 ปีครั้งแรกของ ไทย โดยอ้างอิงข้อมูลจำนวนเด็กช่วง อายุดังกล่าวในปี 2553 ของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งพบว่าโรคภูมิ แพ้เป็นโรคที่พบมากสุดในเด็ก และมีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง โดยพบได้ที่อัตรา 35% ในกลุ่มอายุ 0-5 ปี และในปี 2553 ประเมินได้ว่ามีเด็ก เป็นภูมิแพ้ถึง 1.8 ล้านคน ซึ่งเมื่อนำมาคำนวณค่าใช้จ่ายพบว่ามีค่าใช้จ่ายในการรักษาในโรงพยาบาลรัฐบาลสูงถึง 27,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งคิดเป็น 5% ของรายจ่ายด้านสุขภาพโดยรวมของประเทศ โดยมีค่าใช้จ่ายด้านยาเป็นส่วนสำคัญ ทำให้ต้นทุนการรักษาสูงขึ้นคิดเป็น 46% ขณะที่เด็กแพ้นมวัวมีค่าใช้จ่ายสูงที่สุดที่ 64,838 บาทต่อคนต่อปี หรือคิดเป็น 24% ของรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือน ส่วนโรคหวัดเรื้อรังมีค่าใช้จ่าย 12,669 บาท โรคหอบหืด 9,633 บาท และโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง 5,432 บาท
          รศ.พญ.จรุงจิตร์แนะให้ใช้โภชนาการที่เหมาะสมป้องกันโรคภูมิแพ้ในเด็ก ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่าย ได้ อย่างแรกคือ ให้เลี้ยงลูกด้วยน้ำ นมมารดาอย่างน้อย 6 เดือน แต่ถ้าทารกแพ้นมวัวต้องเปลี่ยนนมเป็นสูตรอื่น เช่น สูตรถั่วเหลือง รวม ถึงนมสูตรพิเศษ H.A. สูตรย่อยสลาย โปรตีนบางส่วน (Partially Hydrol yzed) โดยการศึกษาทั้งต่างประเทศและในไทยยืนยันว่าได้ผลดี เด็ก ที่ดื่มนม H.A. เทียบกับเด็กที่ดื่มนมมารดาพบว่าเกิดภูมิแพ้ลดลง 0.2 เท่า