HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
โลกวันนี้ [ วันที่ 16/03/2555 ]
พฤติกรรมเลียนแบบวิกฤติของความเป็นไทย

  เรื่องพฤติกรรมการลอกเลียนแบบ ดูเหมือนจะเป็นปัญหามากสำหรับผู้หลักผู้ใหญ่ที่รักความเป็นไทย และเห็นว่าการที่วัยรุ่นไทยส่วนใหญ่เลียนแบบพฤติกรรมหรือการแต่งกายของนักร้องต่างประเทศนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม
          ดังที่ พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ชี้ปัญหาของเยาวชนจากการใช้สื่อออนไลน์ และเกิดพฤติกรรมการเลียนแบบในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ที่เรียกว่า ก๊อบปี้ แคต(copycat) ว่าวัยรุ่นมักเลียนแบบบุคคลที่ตัวเองสนใจหรือสิ่งที่ตัวเองชอบ
          โดย พญ.อัมพร กล่าวว่าการเลียนแบบนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่ทว่า
          "ต้องมีเงื่อนไข คือ ต้องเลียนแบบในสิ่งที่ถูกต้อง หากไม่ถูกต้อง ไม่สร้างสรรค์จะกลายเป็นปัญหาสังคม และสะท้อนให้เห็นว่าวัยรุ่นคนดังกล่าวอาจมีปัญหาในเรื่องของการคิด ขาดประสบการณ์ชีวิตที่ดีพอ ขาดต้นแบบที่ดี
          สิ่งเหล่านี้ทำให้ไม่สามารถปรับตัวให้เหมาะสม พอมีการชักจูงก็ทำให้หลงเชื่อง่าย แต่การเลียนแบบบางครั้งก็เกิดจากการสะสม เด็กมักดูสื่อทีวี หรืออินเตอร์เน็ตที่แฝงความรุนแรงตลอด ทำให้รู้สึกด้านชานั้นเอง"
          (หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2555)จะเห็นว่าปัญหาของการอธิบายดังกล่าวนั้น คือการที่เราจะสามารถแยกแยะได้อย่างไรว่านั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง หรือไม่ถูกต้อง
          เพราะกระแสสังคมและบรรทัดฐานต่างๆ นั้นเปลี่ยนแปลงไปตลอดตามกาลเวลาที่เคลื่อนผ่าน สิ่งที่อาจดูเลวร้ายในสายตาของผู้หลักผู้ใหญ่ในวันนี้ เมื่อผ่านไปอีกสักสองสามปี ก็อาจกลายเป็นเรื่องปกติ
          ตัวอย่างเช่นท่าเต้นส่ายสะโพกแบบของเอลวิส เพรสลีย์ ที่เมื่อก่อนถึงกับถูกแบนไม่ให้ออกอากาศทางโทรทัศน์ มาถึงสมัยนี้ก็กลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว เป็นต้น
          ก็แล้วคนรุ่นนั้น ที่เมื่อก่อนตอนเป็นวัยรุ่นก็คลั่งไคล้เอลวิสนั่นแหละมาถึงปัจจุบันกลายเป็นผู้ใหญ่หัวหงอกกลับยึดติดอยู่กับค่านิยมเก่าๆ และต่อว่าต่อขานวัยรุ่นลูกหลานตัวเองว่าไม่รักความเป็นไทยไปเสียอย่างนั้น
          คำว่า copycat นั้น เริ่มปรากฏใช้ครั้งแรกในภาษาอังกฤษราวปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยคำว่า cat นั้นในภาษาอังกฤษสมัยนั้นสามารถแปลได้ว่า "คน" (อย่างเหยียดๆ) ได้ด้วย คำคำนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับแมว และหมายถึงคนที่ชอบเลียนแบบพฤติกรรมคนอื่น โดยมีความหมายไปในทางหยามหยันนั่นเอง
          ซึ่งการหยามหยันดังกล่าวนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่มีแนวคิดที่ว่าด้วยการยกย่องความเป็นปัจเจกของแต่ละบุคคล ซึ่งเป็นแนวคิดที่แพร่หลายในหมู่ศิลปินยุคโรแมนติกช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19
          แนวคิดนี้นำไปสู่การค้นหาอัตลักษณ์ส่วนบุคคล หรืออัตลักษณ์ของชาติตัวเองและยึดโยงอยู่กับแนวคิดเรื่องชาตินิยมด้วย
          ทำให้เกิดการนำงานหัตถกรรมหรือเพลงพื้นบ้านมาใส่ไว้เป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะ เกิดการสร้างภาพลักษณ์ของศิลปินว่ามีความเป็นปัจเจก ไม่ตกอยู่ใต้อาณัติของใคร (รวมถึงเงินทอง) และเป็นอัจฉริยะ
          ในขณะที่งานศิลปะในยุคก่อนหน้า ไม่เคยมีแนวคิดแบบนี้ปรากฏมาก่อน ตัวอย่างเช่นงานของนักแต่งเพลงในสมัย Baroque หรือกระทั่ง Classic ก็จะมีลักษณะที่คล้ายๆ กัน มีการก๊อบปี้ทำนองกันและกันมาใช้งานเป็นเรื่องปกติอย่างไม่มีใครถือสาหาความอะไร
          โดยเฉพาะในเรื่องของแฟชั่น ก็ยิ่งเห็นได้ชัดว่าเกิดการลอกเลียนแบบกันทั่วไปตามสมัยนิยมอย่างกว้างขวาง จนในบางครั้งเป็นที่ยอมไม่ได้ของชนชั้นสูง ดังในสมัยหนึ่งที่อังกฤษถึงกับต้องตราเป็นกฎหมายว่าชนชั้นสูงเท่านั้นที่สามารถใส่เสื้อผ้าเครื่องประดับราคาแพงบางชนิดได้
          เพราะเป้าหมายหลักในการปกครองโดยชนชั้นสูง ย่อมเป็นการธำรงสถานะของตนไว้ให้สูงส่งเหนือผู้อื่น และทำการจัดแบ่งชั้นวรรณะของผู้คนในสังคมด้วยพฤติกรรมและการแต่งกายนั่นเอง
          การแหกคอกไปลอกเลียนแบบสิ่งที่ไม่ใช่"ไทย" ในสายตาผู้หลักผู้ใหญ่จำนวนหนึ่งจึงเป็นเรื่องรกหูรกตาอย่างเกินทน และจำเป็นต้องตักเตือนเยาวชนผู้หลงผิดให้หันกลับมาสู่ความเป็นไทยที่ถูกต้อง
          ทั้งๆ ที่ความเป็น"ไทย"ที่ว่านี้ก็ไม่มีใครรู้ได้ว่าคืออะไร เพราะแค่ดูชื่อและชื่อสกุลของแต่ละคนทุกวันนี้ก็งงเสียแล้วว่าส่วนมากนี่มันภาษาอินเดีย (บาลี-สันสกฤต)ต่างหาก ไม่ใช่ภาษาไทยที่ตรงไหนเลย
          โคลงฉันท์กาพย์กลอนเก่าแก่สมัยอยุธยา ก็ล้วนแล้วแต่เป็นการหยิบยืมคำอินเดียมาใช้แทรกใช้ปนตรงโน้นตรงนี้เต็มไปหมด ยิ่งคำฉันท์นี่เห็นชัดๆ เลยว่ามัน"เลียนแบบ" อินเดียมาทั้งนั้นลองดูตัวอย่างสักบาทหนึ่งก็ได้ แล้วค่อยนับดูว่ามีคำไทยกี่คำ
          "นบพรหมินทร์วชิรินทรวิศณุศิวา รวิศศิดารา จำรัส"
          (กฤษณาสอนน้องคำฉันท์ พระนิพนธ์สมเด็จฯ กรมพระปรมานุชิตชิโนรส)ความเป็น"วัฒนธรรม" แท้จริงแล้วจึงหมายถึงการ"เลียนแบบ" นั่นเอง เพียงแต่ว่าใครจะเลียนแบบใคร แล้วการเลียนแบบนั้นให้ประโยชน์กับใครเท่านั้น
          แต่ถ้าความเป็นไทยแบบทางการยังคงผูกติดอยู่กับการเล่นหมากเก็บ โจงกระเบน และรำไทย แบบทุกวันนี้แล้วล่ะก็ ผมคิดว่าคงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่วัยรุ่นส่วนมากจะหันไปเล่นเกมออนไลน์ใส่เลกกิ้ง และเต้นแบบเกาหลีๆ กันทั่วเมือง


pageview  1205139    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved