นพ.ปัจจุบัน เหมหงษา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ลำพูน เปิดเผยว่าสถานการณ์ไข้หูดับหรือสเตร็บโตค็อกคัสซูอิส ว่าโรคนี้เป็นโรคจากหมูติดต่อมายังคน โดยหมูที่มีเชื้อสเต็พโตค็อกคัสซูอิส ในระบบทางเดินหายใจของหมูอาจไม่แสดงอาการเจ็บป่วย คนสามารถติดเชื้อจากหมูโดยการสัมผัสหมูที่มีเชื้อโรค เชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล รอยถลอก กลุ่มที่เสี่ยงต่อการติดโรคทางผิวหนัง ได้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงหมู คนชำแหละหมู ผู้ตรวจเนื้อหมู สัตวแพทย์ ผู้ขายเนื้อหมู ผู้ทำงานในโรงงานฆ่าหมู เป็นต้น
          นอกจากนี้ คนยังสามารถติดโรคจากหมูโดยกินเนื้อหมู และส่วนอื่นๆ ของหมู เช่น เลือดหมูที่ดิบ หรือกึ่งสุกกึ่งดิบ หรือเนื้อหมูที่คิดว่าสุกจากการบีบมะนาวแต่ไม่มีรายงานการติดต่อจากคนสู่คน ส่วนระยะฝักตัวของโรคนี้สั้นมาก เพียงไม่กี่ชั่วโมงถึง 3 วันขึ้นอยู่กับปริมาณของเชื้อที่เข้าสู่ร่างกาย และความแข็งแรงของแต่ละบุคคล ส่วนใหญ่ 85% ผู้ป่วยจะมีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเส ได้แก่ มีไข้คอแข็ง สับสน ปวดศีรษะ มักมีอาการปวดหัวนำมาใน 1-2 วันแรก ผู้ป่วย 54-80% จะสูญเสียการได้ยิน(หูหนวกถาวร) ในรายที่รุนแรง อาจมีการติดเชื้อในกระแสโลหิต อวัยวะภายในอักเสบ มีจ้ำเลือดทั่วตัว ช็อก โรคนี้มีอันตรายตายสูงถึง 13%
          สำหรับจังหวัดที่มีผู้ป่วยโรคไข้หูดับสูง ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำปางลำพูน พะเยา แพร่ น่าน เพชรบูรณ์ พิษณุโลก ตาก นครสวรรค์ นครพนมสกลนคร อุดรธานี และขอนแก่น เพื่อความปลอดภัยจากโรคไข้หูดับ ซึ่งการรับประทานหมูดิบหรือสุกๆดิบๆนี้ เป็นสาเหตุให้ผู้กินสุกๆดิบๆ ป่วยเป็นโรคไข้หูดับและหูหนวกถาวรในที่สุด บางรายอาจถึงตาย
          สำหรับผู้ที่ใกล้ชิดหมู หรือผู้ที่ต้องทำงานเกี่ยวกับหมู ควรหลีกเสี่ยงการสัมผัสหมู หรือซากหมูด้วยมือเปล่า ควรสวมถุงมือ ใส่รองเท้าที่หุ้มเท้า ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาวและอาบน้ำ ชำระร่างกาย ทุกครั้งหลังสัมผัสหมู ส่วนผู้ค้าเนื้อหมูต้องระวังอย่าให้มีบาดแผล หรือรอยถลอก บริเวณแขนและมือควรเลือกซื้อหมูจากโรงฆ่าสัตว์ที่ได้มาตรฐานมาขาย และเก็บเนื้อหมูไว้ในตู้เย็นอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส และที่สำคัญที่สุด คือ กลุ่มผู้ที่รับประทานหมูควรนำเนื้อหมูมาปรุงสุกเท่านั้น ไม่ควรกินเนื้อหมู เลือด และอวัยวะภายในที่ดิบๆหรือปรุงสุกๆดิบๆ