ศ.ดร.อุษณีย์ วินิจเขตคำนวณ เปิดเผยว่า ในสภาวะที่เทคโนโลยีบนโลกนี้กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วแต่สุขภาพของคนกลับแย่ลงเรื่อยๆ อายุเฉลี่ยของคนลดน้อยลง ภาวะการเสื่อมของอวัยวะต่างๆ เกิดเร็วขึ้น ในขณะเดียวกันมีผู้ป่วยที่ต้องทนทุกข์ทรมาณจากโรคเสื่อมเหล่านี้จำนวนไม่น้อยเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะโรคที่สร้างผลกระทบกับการเคลื่อนไหว ที่สร้างความเจ็บปวดทั้งทางร่างกายและจิตใจ ที่ออกมาในรูปของภาวะความเครียดเนื่องจากช่วยตัวเองได้น้อยลงบ้างต้องกินยาทุกวันไม่มีกำหนด บ้างต้องเข้าผ่าตัดหลายครั้งหลายครา ซึ่งผู้ป่วยที่พอมีฐานะหรือผู้ที่มีอายุน้อย ก็มีทางเลือกในการรักษามากกว่ากลุ่มที่มีรายได้น้อยและผู้ป่วยที่สูงวัย
          สำหรับผู้สูงวัยที่มีโรคประจำตัวรุมเร้ามากกว่าหนึ่งโรค ข้อจำกัดในการรักษายิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูน โดยเฉพาะเรื่องของการผ่าตัดที่มีปัจจัยเรื่องสุขภาพโดยรวมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โรคเสื่อมเหล่านั้นผู้คนมักจะคิดถึงแค่ ข้อเสื่อม  เก๊าท์รูมาตอยด์ แต่ความเป็นจริงแล้วยังมีโรคอื่นๆอีกที่ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหว เช่น  น้ำในข้อแห้ง ออโต้อินมูน กระดูกทับเส้น เป็นต้น
          โดยการรักษาทำได้หลายวิธี ตั้งแต่การทานยา กายภาพ จนถึงการผ่าตัด แต่บางโรคก็ได้แต่เพียงกินยาเพื่อระงับอาการ   แต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะไม่กลับมาเป็นอีก การทานยาเป็นระยะเวลานานอาจจะได้โรคเกี่ยวกับตับและไต ซึ่งเป็นโรคที่อันตรายถึงชีวิตโดยเฉพาะกับผู้สูงอายุ
          ดังนั้นการรักษาโดยใช้สมุนไพรจากธรรมชาติถือว่ามาแรง แต่ยังเป็นที่ถกเถียงในเรื่องของผลการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์และระยะเวลาในการรักษาที่ยาวนาน สมุนไพรส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของการรับประทาน ผู้ป่วยหลายรายยังกังวลเรื่องสารตกค้างและความปลอดภัยเมื่อใช้ในระยะเวลานาน  คณะวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่ ได้คิดค้นสารสกัดจากเมล็ดลำไย
          "จุดประกายของงานวิจัยมาจากลำไยราคาตกหลังจากเกษตรกรแปรรูปอบแห้ง เมล็ดจะนำไปเผาทิ้งเกิดเป็นมลภาวะ เมล็ดลำไยถือเป็นขยะที่ยังไม่ได้เจียระไน ที่ใครๆ ต่างมองว่าไม่มีค่า ในขณะที่ตำราแพทย์แผนจีนโบราณกล่าวว่า ลำไยเป็น 1 ใน 5 ผลไม้อายุวัฒนะ จุดนี้เป็นจุดเริ่มต้นงานวิจัย จนค้นพบว่าในเมล็ดลำไยอุดมไปด้วยGallic, Ellagic และสารฟลาโวนอยด์อีกหลายชนิด"
          จึงผนวกกับสมุนไพรพื้นบ้านของภาคเหนือมีแนวโน้มที่ดีในการนำมาใช้ช่วยผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม ร่วมทั้งกล้ามเนื้อเอ็นอักเสบ โรคฮิตออฟฟิตซินโดรม ของคนทำงานและนักกีฬา นำมาช่วยคนทุกเพศทุกวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) สวก.
          ทั้งนี้เมล็ดลำไยอุดมไปด้วย Gallic, Ellagic และสารฟลาโวนอยด์อีกหลายชนิด และด้วยทุนสนับสนุนงานวิจัยจาก สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร(องค์การมหาชน) สวก. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  พัฒนาสารสกัดเมล็ดลำไยขึ้นเป็นครีมนวดที่มีฤทธิ์ยับยั้งการสลายองค์ประกอบพื้นฐานของกระดูกอ่อนได้ดี  ยังยับยั้งเอนไซม์แมทริกซ์เมทัลโลโปรทีเนส ไม่ให้ย่อยสลายโครงสร้างกล้ามเนื้อคลอลาเจน และ อิลาสติน จึงช่วยยับยั้งการสึกหรอของกระดูกและกล้ามเนื้อก่อนเวลาอันควร เหมาะกับผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมหรือมีอาการปวดจากกล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง
          สำหรับงานวิจัยนี้ ได้รับรางวัลการันตีคุณภาพนวัตกรรมดีเด่น จากคณะแพทยศาสตร์ม.เชียงใหม่ ปี 52 และยังรับรางวัลสุดยอดผลิตภัณฑ์นวัตกรรมระดับชาติ โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติและได้รับทุนสนับสนุนการพัฒนาวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่จากกองทุนสนับสนุนการวิจัยแห่งชาติ (สวก.) และรางวัลนวัตกรรมยอดเยี่ยมจาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี'54 จนเป็นที่รู้จักมากมายแม้กระทั่งในวงการแพทย์ ยังมีแพทย์และพยาบาลหลายท่าน เลือกใช้ควบคู่กับการรักษาแผนปัจจุบันจึงยิ่งส่งผลให้สารสกัดเมล็ดลำไยเป็นที่จับตามองมากขึ้น
          ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร.0-2579-7435 ต่อ 3301-3313 ในวันและเวลาราชการ หรือโทร.090-672 8930 ,090-672 6498 , 084-399 9299 , 084-364 8995 และ 086-196 5240