HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
พิมพ์ไทย [ วันที่ 09/07/2555 ]
สช.ห่วงบุคลากรแพทย์ไม่เพียงพอ แนะสร้างแผนแม่บทรับประชาคมอาเซียน

 สช.เปิดเวทีถกรับมือประชาคมอาเซียน ห่วงบุคลากรด้านสาธารณสุขไม่พอรับผู้ป่วยประเทศเพื่อนบ้าน กระทบบริการคนไทย ขณะที่ธุรกิจให้บริการผ่านเทคโนโลยีข้ามชาติเริ่มฮิต ให้รายได้งามดูดทรัพยากรการแพทย์ สภาพัฒน์แนะเพิ่มค่าตอบแทนและงบประมาณป้องกันสมองไหล
          เมื่อเร็วๆนี้ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ "สานพลังคสช. ขับเคลื่อนนโยบาย เคลื่อนไหวสังคม"โดยมีคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) เข้าร่วม พร้อมจัดเสวนาหัวข้อ"ผลกระทบในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนต่อระบบสุขภาพ" ที่โรงแรมบัดดี้โอเรียนทอล ริเวอร์ไซด์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
          นพ.วิพุธ พูลเจริญ ประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบและกลไกการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ (HIA) สช. กล่าวว่า การเปิดเสรีตามกรอบ"ประชาคมอาเซียนิ ในปี 2558 จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อระบบการให้บริการทางการแพทย์ในประเทศไทยอย่างมาก โดยเฉพาะในด้านบุคลากรทางการแพทย์ที่อาจไม่เพียงพอต่อความต้องการ เนื่องจากจะมีผู้ใช้บริการจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามายังประเทศไทยจำนวนมาก รวมถึงการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ข้ามชาติ ที่จะมีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจการแพทย์ในอนาคต
          ทั้งนี้ ธุรกิจบริการทางสุขภาพที่จะเกิดขึ้นอย่างชัดเจนมี 4 ด้าน ได้แก่1. การบริการทางไกล เช่น การให้คำปรึกษาผ่านระบบเทเลคอนเฟอเรนซ์(Tele-consultant), การรับส่งภาพเอ็กซเรย์ทางไกล (Tele-radiogist),การใช้หุ่นยนต์ผ่าตัดคนไข้ (Robotic Surgery or Practice) 2.การรับบริการข้ามพรมแดน เช่น การที่ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางให้บริการสุขภาพ(Medical Hub) แก่นักท่องเที่ยว หรือการผ่าตัดแปลงเพศ 3.การข้ามชาติไปลงทุนบริการในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ธุรกิจโรงพยาบาล, บริการทางสุขภาพ และอุตสาหกรรมยา 4. การเคลื่อนย้ายแรงงานด้านสุขภาพ เช่นแพทย์เฉพาะด้าน พยาบาล นักเทคนิคฯ เป็นต้น
          นพ.วิพุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยมีโอกาสสูงในการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ในภูมิภาคแข่งกับเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและสิงคโปร์เพราะปัจจุบันผู้มีฐานะดีในประเทศเล็กๆ อย่าง ลาว กัมพูชา พม่า เวียดนามก็เข้ามารักษาตัวในไทยจำนวนมาก ไม่นับรวมชาวยุโรปและตะวันออกกลางที่ชื่นชอบอยู่แล้ว ส่วนชาวอินโดนีเซียนิยมไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลในสิงคโปร์ขณะที่ธุรกิจโรงพยาบาลไทยที่มีความแข็งแกร่ง ก็จะเริ่มหาลู่ทางขยายการลงทุนไปในภูมิภาค เช่น ในพม่าหรือเวียดนามที่บริการสาธารณสุขยังไม่ดีพอแต่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง
          การเกิดประชาคมอาเซียน จะทำให้คนฐานะดีจากหลายประเทศในอาเซียน 4-5% เข้ามาใช้บริการโรงพยาบาลในบ้านเรา ซึ่งคิดเป็นจำนวนผู้ใช้บริการน้อยมาก แต่เรากลับต้องเสียบุคลากรทางการแพทย์เพื่อให้บริการคนมีฐานะกลุ่มนี้จำนวนมาก ทำให้บุคลากรด้านนี้เริ่มขาดแคลนแน่นอน และส่งผลกระทบให้คนไทยไม่ได้รับบริการที่ดีพอ
          กระทรวงสาธารณสุขควรใช้โอกาสนี้ในการวางแผนด้านอัตรากำลังคนและเทคโนโลยี เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ที่จะเกิดขึ้นยาวอีก10-20 ปีข้างหน้า ไม่ใช่คิดแค่เรื่องการเข้ามาแข่งขันของอาเซียนเพียงอย่างเดียวเพราะจะสร้างข้อจำกัดที่สูง แต่ควรมองว่าประชาคมอาเซียนเป็นโอกาสที่จะได้พัฒนาตัวเอง เพราะรูปแบบทางการแพทย์ปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว เช่นโรงพยาบาลในสหรัฐขณะนี้ มีการส่งฟิล์มเอ็กซเรย์ทางอิเล็กทรอนิกส์ให้แพทย์ในประเทศอินเดียช่วยวินิจฉัยกว่า 60%
          ด้าน ดร.ชูวิทย์ มิตรชอบ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือสภาพัฒน์ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องระวังก็คือการแพร่ระบาดมากขึ้นของโรคติดต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคที่แฝงมากับการพัฒนา และการเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ และความเสี่ยงต่อสุขภาพที่ประเทศไทยต้องเปิดรับอาหารและผลิตภัณฑ์ เช่น บุหรี่ สุรามากขึ้น จึงจำเป็นที่ภาครัฐต้องสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังโรคอุบัติใหม่อย่างบูรณาการในภูมิภาคนี้
          หลังจากเกิดประชาคมอาเซียนจะมีการลงทุนขนาดใหญ่เข้ามาอีกมากเพราะจะมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงระหว่างประเทศ ในส่วนของไทยนั้นกลไกการประเมินด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) และ HIA จะต้องมีบทบาทมากขึ้น รวมถึงภาคประชาชนจะต้องมีความเข้มแข็งและอาจร่วมมือกับเป็นเครือข่ายในระดับภูมิภาค
          ด้าน ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และอดีตผู้อำนวยการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) มองว่า การเกิดขึ้นของประชาคมอาเซียนอาจเกิดความเสี่ยงใหม่ๆในแง่สุขภาพขึ้น เช่นการเปิดเสรีด้านการขนส่งสินค้าข้ามแดนจะทำให้รถบรรทุกที่ขนสารเคมีจากประเทศเพื่อนบ้านนำสารเคมีเหล่านี้มาทิ้งในประเทศไทย เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในสหรัฐเคยเกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า "มิดไนท์รัน" ที่รถบรรทุกสารเคมีไปทิ้งกลางทาง กว่ารัฐบาลจะรู้ว่าในขยะนั้นมีอะไรก็ต้องใช้เวลาถึง 4-5 ปี
          ดร.วีระศักดิ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าขณะนี้อาเซียนได้รับความสนใจจากประเทศตะวันตกรวมถึงยักษ์ใหญ่อย่างจีน ญี่ปุ่น เกาหลี จะเห็นได้ว่าอาเซียนมีคู่เจรจาทั้งอาเซียนบวกสาม และอาเซียน-สหรัฐ หลังจากนี้ก็ยังมีหลายประเทศ ที่ขอเข้าร่วมเจรจาอีก ล่าสุดอาเซียนจะขยายสมาชิกเพิ่มอีก 2 ประเทศคือติมอร์ตะวันออกและปาปัวนิวกินี ยิ่งทำให้ศักยภาพของอาเซียนมีการเติบโต ซึ่งประเทศไทยต้องเตรียมพร้อมรับมือกับเงินทุนต่างชาติที่จะไหลเข้ามาลงทุนมากขึ้น


pageview  1205841    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved