HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
พิมพ์ไทย [ วันที่ 21/05/2555 ]
แนะใช้วิธีตรวจสอบสานพันธุกรรมป้องกันการแพ้ยา

กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมวิทยาศาสตร์ การแพทย์ พัฒนาวิธีการตรวจสารพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับการแพ้ยา เพื่อป้องกันภาวการณ์เกิดผื่นแพ้ยารุนแรง สามารถทดแทนการใช้น้ำยาสำเร็จรูปที่มีราคาแพงและต้องใช้เครื่องมือพิเศษในการตรวจ เผยระหว่างปี   2527-2553   มีรายงานผู้ป่วยที่มีอาการผื่นแพ้ยาร้ายแรง ซึ่งรวมถึงชนิดกลุ่มอาการสตีเวนส์ จอห์นสัน และท็อกซิก อิพิเดอร์มอลเนโครไลซิส   ประมาณ 6,965 ราย และเสียชีวิต260 ราย
          นายแพทย์สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า การใช้ยาเพื่อรักษาโรคในผู้ป่วยบางรายอาจเกิดการแพ้ยาที่ใช้ได้ บางรายอาจเกิดผื่นแพ้ยารุนแรง ซึ่งรวมถึงกลุ่มอาการสตีเวนส์ จอห์นสัน (Steven-Johnson syndrome เรียกชื่อย่อว่า SJS) และท็อกซิกอิพิเดอร์มอล เนโครไลซิส (toxic epidermal necrolysis เรียกชื่อย่อว่า TEN) โดยผู้ป่วยที่แพ้ยาชนิดนี้จะมีผื่นขึ้นตามลำตัว หรือมีการหลุดลอกของผิวหนัง รวมทั้งมีการอักเสบของเยื่อบุต่างๆและความผิดปรกติของระบบอวัยวะสำคัญต่างๆ ร่วมด้วย ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นทำให้ตาบอดหรือถึงแก่ชีวิตได้
          ทั้งนี้ระหว่างปี พ.ศ.2527 -2553 ประเทศไทยมีรายงานผู้ป่วยแพ้ยาร้ายแรงชนิด SJS/TEN ประมาณ 6,965 ราย และเสียชีวิต  260 รายรายการยาที่สงสัยที่มีการรายงานมาก 10 อันดับแรก ได้แก่ ยาโคไตรม็อกซาโซล (Co-trimoxazole) ยาคาร์บามาซีพีน (Carbamazepine) ยาแอลโลพูรินอล (Allopurinol) ผลิตภัณฑ์ที่มีเนวิราปีนเป็นส่วนประกอบ(Nevirapine Containing product) ยาเฟนิทอยน์ (Phenytoin) ยาอะม็อกซีซิลิน (Amoxicillin) ยาฟิโนบาร์บิทอล (Phenobarbital) ยาไอบู  โปรเฟน (Ibuprofen) ยาไรแฟมพิซิน (Rifampicin) และยาไอโซไนอะซิด (Isoniazid)  ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลอย่างน้อย20,000 ถึงมากกว่า 100,000 บาทต่อราย  ยังไม่รวมการสูญเสีย ทางเศรษฐกิจที่ผู้ป่วยเสียโอกาสในการทำงานกรณีที่พิการ  และกรณีเกิดการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย
          ผลการวิจัยทางเภสัชพันธุศาสตร์ พบว่า การแพ้ยาสัมพันธ์กับการมี HLA อัลลีล (allele) บางชนิดในพันธุกรรม ดังนั้นจึงมีการตรวจHLA อัลลีลก่อนการให้ยาโดยผู้ที่มีอัลลีลชนิดเสี่ยงควรเลี่ยงไปใช้ยาตัวอื่นแทน
          รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวต่ออีกว่า งานวิจัยในประชากรของประเทศไทย พบว่า ผู้ป่วยที่มี HLA-B*1502 allele มีความเสี่ยงต่อการเกิด SJS/TEN  จากยาคาร์บามาซีพีน (Carbamazepine)เพิ่มขึ้น 55 เท่า องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) แนะนำให้ผู้ป่วยที่มาจากประเทศแถบเอเชียที่จำเป็นต้องได้รับยาคาร์บามาซีพีน
          ควรตรวจหา HLA-B*1502 อัลลีลก่อนเริ่มให้ยาเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะ SJS/TEN  ต่อยาคาร์บามาซีพีน และผู้ป่วย ที่จำเป็นต้องได้รับยาแอลโลพูรินอล หากมี HLA-B*5801 อัลลีล จะเสี่ยงต่อการเกิด SJS/TEN เพิ่มขึ้นถึง 348 เท่า
          "การตรวจสารพันธุกรรม HLA-B* 1502 , HLA-B*5801 และ HLA-B*5701 เป็นวิธีการตรวจที่มีความสำคัญในการป้องกันภาวการณ์เกิดผื่นแพ้ยารุนแรง กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข ได้ดำเนินการพัฒนาวิธีการตรวจสารพันธุกรรม  HLA-B*1502 , HLA-B*5801 และ HLA-B*5701 ด้วยวิธี allele specific PCR เพื่อทดแทน การใช้น้ำยาสำเร็จรูปที่มีราคาแพงและต้องใช้เครื่องมือพิเศษในการตรวจและได้ถ่ายทอดเทคนิค
          วิธีการตรวจดังกล่าวให้แก่ศูนย์วิทยาศาสตร์ การแพทย์ในส่วนภูมิภาคเพื่อให้บริการตรวจครอบคลุมทั้งประเทศ นอกจากนี้ยังได้จัดตั้งเครือข่ายเภสัชพันธุศาสตร์ เพื่อหายีนเสี่ยงต่อการแพ้ยารุนแรง SJS/TEN (THAISCAR) สำหรับยาที่ยังไม่มีรายงาน"


pageview  1205455    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved