HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
บ้านเมือง [ วันที่ 21/01/2556 ]
ม้าม...ไม่มียารักษา อย่าให้เป็นอะไร!!

   เครื่องในวัวต้มเป็นอาหารอย่างหนึ่งซึ่งคนทั่วไปนิยมกิน โดยเฉพาะกับผู้ที่ยังเลิกกินเนื้อวัวไม่ได้...
          ทราบหรือไม่ว่าเครื่องในวัวหนึ่งชามอุดมไปด้วยสารอาหารมากมายที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันค่อนข้างครบถ้วนกระบวนการกิน แต่ก็ควรระวังเพราะเครื่องในสัตว์ทุกชนิดมีกรดยูริคสูง ไม่ดีต่อผู้เป็นโรคข้อทั้งหลาย ใครที่มีปัญหาอย่างโรคเกาต์ ปวดเข่าปวดข้อ บวมไม่มีสัญญาณเตือน ต้องระมัดระวังการรับประทานเครื่องในสัตว์
          แต่กับคนปกติที่ไม่มีอาการนี้ ให้กินเครื่องในสัตว์ได้บ้าง...ได้บ้างนะครับ...อย่าให้เครื่องในสัตว์เป็นอาหารโปรดขาดมันไม่ได้ เพราะกินมากไป...กินบ่อย ท่านก็มีโอกาสข้อบวมได้เช่นกัน
          ม้าม...เป็นเครื่องในสัตว์อย่างหนึ่งที่ผู้คนชื่นชอบ เครื่องในวัวต้มหากขาดม้ามไป เครื่องในวัวชามนั้นคงไม่น่ารับประทานสักเท่าไร หลายคนจึงมักนิยมสั่งม้ามวัวเพิ่มเป็นพิเศษ
          เครื่องในวัวร้อนๆ กินกับข้าวสวย กินมื้อไหนก็ได้ ต่างจากเครื่องในหมูที่มีเลือดหมูด้วย เลือดหมูต้มรับประทานได้แค่มื้อเช้าเพียงมื้อเดียว มื้ออื่นห้ามกิน ห้ามทำไมเอาไว้ค่อยคุยกันโอกาสหน้า
          สำหรับเครื่องในวัวต้มซดได้ทุกเวลาทุกสถานที่ ยกเว้นแถบขั้วโลกเหนือ หรือเมืองหนาว เพราะต้มแล้วจะมีไขมันลอยหน้ากินไม่ได้ ตอนนี้ก็อย่าไปอุตริอยากกินเครื่องในวัวต้มที่เชียงใหม่หรือแม่ฮ่องสอนแล้วกัน
          อย่าเพิ่งมึนกับเรื่องม้ามที่กำลังพูดถึง ไปพูดเรื่องม้ามจนหลายท่านอาจเริ่มอยากซดเครื่องในวัวต้มร้อนๆ แล้ว แต่กับผู้ที่ไม่กินเนื้อวัวคงกำลังอยากอาเจียน หมอใบไม้วันนี้ก็ไม่กินเนื้อวัวแล้ว ไม่ได้เชื่อเจ้าพ่อเจ้าแม่ที่ไหนหรอกครับ แต่เพราะอาชีพที่ต้องใช้เขาวัว เขาควาย มาเป็นเครื่องมือทางการแพทย์ นำมาขูดพิษไล่ของเสียให้ออกจากร่างกายของคนป่วย จึงไม่สมควรกินเนื้อวัว
          เมื่อทราบแล้วว่าม้ามวัว ม้ามหมูมีประโยชน์อย่างไร...ก็มาพูดเรื่อง...ม้ามคน ก็คงไม่แนะนำให้ใครหันมากินม้ามคนหรอกครับ แต่อยากจะให้ท่านทั้งหลายทราบถึงความสำคัญของม้ามในตัวเรา ซึ่งแต่ก่อนแต่ไรหมอคนไหนก็ไม่ทราบหรอกว่าม้ามมีความสำคัญอย่างไร มันทำหน้าที่อะไร ไปโรงพยาบาล ไปพบแพทย์หากผู้ป่วยมีอาการเกี่ยวกับม้าม หมอจะมึนกับอาการ เพราะ...หมอไม่มียารักษาม้าม
          ผมเขียนเรื่องม้ามบ่อย ด้วยมีแฟนคลับร้องขอประจำ ก็ต้องยืนยันซ้ำเดิมๆ ว่า ม้ามเป็นอวัยวะที่ไม่มียารักษา...ตับ ไต ไส้ พุง ปอด หัวใจ มียาให้กิน แต่กับม้ามไม่มี เป็นอะไรที่แปลกไหมล่ะ?
          ก็คงไม่ได้แปลกอะไร หากท่านจะทราบว่า...เรื่องของม้ามเป็นเรื่องใหม่ เท่าที่ผ่านมาเมื่อโลกมีการปฏิวัติทางอุตสาหกรรม ความก้าวหน้าทางการแพทย์ก็เดินตามมาด้วย มนุษย์สามารถเห็นตัวเชื้อโรคได้ มันไต่มันดิ้นอยู่บนแผ่นกระจกโดยมองผ่านกล้องจุลทรรศน์ หลุยส์ ปาสเตอร์ พบเชื้อไวรัสสุนัขบ้าเมื่อ 100 ปี ก่อนฮือฮาไปทั้งโลก แล้วต่อมาพบว่าในลิง แมว สัตว์เลี้ยงบางชนิดมีเชื้อไวรัสตัวนี้เช่นกัน!!
          ในองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในรอบศตวรรษผ่านมา มนุษย์สามารถรู้อะไรมากมาย สมองที่ว่ายากที่สุด ตอนนี้ก็รู้แล้ว อาจยังรู้ไม่หมด แต่ก็รู้มากขึ้น และมียารักษา...แต่กับเรื่องของไส้ติ่งและม้าม มนุษย์ยังจนปัญญาอยู่ ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าม้ามทำหน้าที่อะไร โดยเพิ่งรู้เมื่อไม่นานนี้เอง แต่ยังหายามารักษาม้ามไม่ได้ และดูเหมือนว่าไม่มีผู้ผลิตยารายใดของโลกคิดอยากจะทำยารักษาม้ามเลย!!
          จึงอยากเตือนว่าหากม้ามในช่องท้องท่านมีความผิดปกติ หมอจะไม่รอรี วิธีเดียวคือเฉือนม้ามทิ้ง เฉือนแล้วก็ไม่ได้นำไปต้มซุป เฉือนแล้วจับโยนลงถังขยะทันที
          การตัดม้ามทิ้งเหมือนเป็นประเพณีปฏิบัติของแพทย์ หากพบว่าม้ามนั้นมีปัญหา การตัดม้ามทิ้งมีมาตั้งแต่หมอยังไม่รู้ว่าม้ามทำหน้าที่อะไร จึงตีความว่าม้ามเป็นอวัยวะไม่มีประโยชน์ ตัดทิ้งไปย่อมไม่มีผลต่อร่างกาย แม้วันนี้ทราบแล้วว่าม้ามทำอะไรให้ร่างกาย ก็ยังถูกเฉือนทิ้งอยู่ดี เพราะไม่มีวิทยาการอะไรใช้รักษาม้าม...โดยทั่วไปมนุษย์เราจะไม่มีปัญหากับม้าม หรือม้ามก็จะไม่สร้างปัญหาให้เรา
          ม้าม...เป็นอวัยวะที่ทนทาน มีอายุการใช้งานนาน แม้อวัยวะส่วนอื่นเกิดความเสียหาย แต่ม้ามมักคงอยู่กับเราจนลมหายใจสุดท้าย!!
          สาเหตุของปัญหาจากม้าม ส่วนใหญ่เกิดจากการที่ม้ามโดนกระทบกระแทกอย่างแรง เช่นการเกิดอุบัติเหตุต่างๆ รถชน หรือตกจากที่สูง และการเล่นกีฬาชนิดหนักๆ เช่นฟุตบอล ชกมวย โดยเฉพาะการต่อสู้ในแม่ไม้มวยไทย เคยมีนักมวยโดนคู่ต่อสู้ออกอาวุธประเคนใส่จนม้ามแตกมาแล้ว การเตะถือว่าเป็นอันตรายต่อม้ามพอๆ กับการโดนเข่า หากนักมวยรายใดปล่อยให้คู่ต่อสู้สาดแข้งเข้าใส่หรือเปิดช่องท้องให้แทงเข่า โดยไม่ปิดป้องเพราะทนเป็นเลิศจนได้รับฉายาสารพัดอย่างโก้เก๋
          ความโง่อย่างนี้คือการฆ่าตัวตายโดยตั้งใจ หากต้องสูญเสียม้ามไป โดนหมอเฉือนม้ามทิ้งเมื่อใด เมื่อนั้น...เราจะสูญเสียระบบการทำงานที่สำคัญของร่างกายไป อย่างที่เอามันกลับมาไม่ได้อีก...ทันทีที่หมอกดคมมีดกรีดชิ้นม้าม เมื่อนั้นท่านจะเสียระบบการกรองเลือด
          หน้าที่ของม้าม...มันช่วยในการกรองเลือดของเราให้สะอาด คิดว่ามันสำคัญไหมล่ะ...เซลล์เม็ดเลือดที่ตายแล้วจะผ่านเข้าไปที่ม้าม ม้ามก็จะกินซากเซลล์เม็ดเลือดเหล่านั้นแล้วมันจะปล่อยสารที่สร้างสีเม็ดเลือดออกมาคือสีแดง ให้เข้าสู่ระบบไปไหลเวียนเลี้ยงร่างกาย
          เมื่อไม่มีม้ามร่างกายจะเอาระบบที่ไหนมากรองเลือดให้ร่างกายได้ใช้ ก็คงไม่ต่างจากการดื่มน้ำสกปรกที่ไม่ผ่านการบำบัด อะไรจะเกิดขึ้น หรือ...?
          ในกระแสเลือดของเรามันก็จะเต็มไปด้วยขยะที่เรียกว่าการปนเปื้อน ซากเซลล์เม็ดเลือดที่หมดอายุการใช้งานจะลอยล่องไปตามกระแสเลือด แล้วไปก่อโรคกับอวัยวะส่วนอื่นของร่างกาย ซึ่งหากใครก็ตามที่สูญเสียม้ามไปแล้วเกิดเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา สาเหตุจึงมาจากในกระแสเลือดมีการปนเปื้อนนั่นเอง ถึงตอนนี้จึงเหมือนผีซ้ำด้ำพลอย จะรักษาโรคที่เป็นอยู่อย่างไรก็ไม่หายขาด
          ยิ่งไปรักษากับแพทย์แผนปัจจุบัน ยิ่งเหมือนพายเรือในอ่าง เพราะหมอรักษาไปตามอาการ ปวดหัวมึนงงเอาพาราเซตามอลไปกิน นอนไม่หลับก็ยื่นยากล่อมประสาทให้ บางรายปวดท้อง ท้องอืด จะถูกตีความว่ามีกรดในกระเพาะ หรือมีปัญหากรดไหลย้อน
          หากเลือดเราเสียเมื่อไร เมื่อนั้นร่างกายจะเรรวน...ที่พูดมาอย่าคิดว่าคนเราจะสูญเสียม้ามจากอุบัติเหตุเท่านั้น หรือโดนเข่า โดนแข้งจนม้ามพัง ในการใช้ชีวิตปกติ เราก็ต้องดูแลม้ามให้ดีด้วย แม้ม้ามจะไม่เป็นอะไรง่ายๆ ในชีวิตหมอใบไม้ ก็ยังไม่เคยพบผู้ป่วยที่จู่ๆ มาบอกว่าปวดม้าม อยากให้ช่วยรักษาหน่อย เพราะทั่วไปก็ไม่ทราบว่าม้ามอยู่ตรงไหน จะพบเพียงว่าปวดท้อง ปวดไส้ ซึ่งในความเป็นจริงม้ามมันก็ป่วยได้ และถามว่ามีใครไหมไปพบแพทย์แล้ว ปวดท้อง ปวดเอว มีหมอคนไหนเคยลงความเห็นว่า ม้ามอักเสบ ถ้ามีช่วยพามาพบด้วย จะให้รางวัลอย่างงาม
          คงมีไม่ได้หรอกครับ เพราะหมอไม่รู้จักม้ามดีพอ ทั้งเราทั้งท่านก็ไม่เคยมีใครปวดท้องเพราะม้ามพิการ
          คราวนี้มาถึงวิธีการดูแลม้ามบ้าง?
          ต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอ
          กินอาหารบำรุงม้าม เช่นธัญญพืชไม่ขัดสี...สำหรับคนจีนเขากินมันเทศต้มขิง ใส่น้ำตาลทรายแดง...ครับ
          ง่ายไหม...วิธีการดูแลม้าม และขอปรามาสเลยว่าคนส่วนใหญ่ไม่ทำหรอก วันนี้สถิติการออกกำลังกายของคนไทยต่ำ...นานแค่ไหนที่ท่านไม่ได้กินมันต้มขิง...ถามตัวเองดูหน่อย
          ไปปฏิบัติซะแล้วม้ามในช่องท้องท่านจะแข็งแรง โดนแข้ง โดนเข่ายังไงก็ทนได้นานขึ้น อย่าให้ต้องสูญเสียม้ามอันเป็นที่รักไปเป็นอันขาด เพราะแพทย์แผนปัจจุบันรักษาม้ามไม่ได้ นอกจากเฉือนทิ้งประการเดียว สำหรับหมอใบไม้แม้เรื่องนี้สามารถช่วยได้ แต่ก็ไม่อยากเห็น อยากให้ทุกคนมีอวัยวะอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์...หากยังข้องใจเรื่องม้ามหรือเรื่องใดๆ ในปัญหาสุขภาพ ก็โทร.มา 08-5151-8844


pageview  1205495    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved