HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
บ้านเมือง [ วันที่ 21/01/2556 ]
'วัคซีนเพื่อประชาชน...คุณค่าที่ควรรู้'

โดย นพ.สุรพงศ์ อำพันวงษ์
          โดยล่าสุดอยู่ระหว่างการพิจารณาความคุ้มค่าของวัคซีนป้องกันไวรัสโรต้า ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการโครงการนำร่อง โดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ภายใต้คำแนะนำของคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคให้วัคซีนป้องกันไวรัสโรต้า เพื่อป้องกันโรคอุจจาระร่วงจากไวรัสโรต้า เข้ามาบรรจุเป็นวัคซีนในแผนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค โดยโครงการนำร่องนี้จะเริ่มในเด็ก 2 เดือน จำนวน 15,000 คน ภายในเวลา 3 ปี เริ่มโครงการ วันที่ 1 ตุลาคม 2554 ในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย ทั้งนี้ ผลจากการดำเนินงานจะได้ใช้เป็นข้อมูลพิจารณาความเป็นไปได้ ในการบรรจุวัคซีนนี้เข้าในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคต่อไป
          ทั้งนี้ข้อมูลจาก ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยระบุว่า โรคอุจจาระร่วงอย่างรุนแรงจากเชื้อไวรัสโรต้า ถือเป็นปัญหาสาธารณสุขของทุกประเทศ โดยพบว่าทุกๆ 1 นาที มีทารกทั่วโลกเสียชีวิตด้วยโรคนี้ 1 ราย โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนา และพบว่าเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ 1 ใน 10 คน จะมีโอกาสติดเชื้อไวรัสโรต้าสูงถึง 5 ครั้ง สำหรับในประเทศไทยพบว่าเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ทุกๆ 8 คนจะมี 1 คน ที่ป่วยเป็นโรคอุจจาระร่วงจากเชื้อนี้ และร้อยละ 43 ของเด็กไทยที่นอนโรงพยาบาล เนื่องจากโรคอุจจาระร่วงนั้นมีสาเหตุจากไวรัสโรต้า ซึ่งพบได้บ่อยในทารกและเด็กเล็ก 6 เดือน ถึง 2 ขวบ
          ที่น่าเป็นห่วงก็คือ โรคอุจจาระร่วงมักเป็นโรคที่ถูกมองข้ามและคิดว่าเป็นโรคธรรมดา พ่อแม่จึงไม่ให้ความสำคัญกับการป้องกัน ในความเป็นจริง โรคอุจจาระร่วงในเด็กเล็กนั้นอันตรายกว่าที่คิด เพราะร่างกายเด็กเล็กจะมีน้ำอยู่น้อยมาก หากเด็กอุจจาระร่วงอย่างรุนแรง จะทำให้สูญเสียน้ำและช็อกเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้เชื้อดังกล่าวเป็นไวรัสที่ค่อนข้างทนไม่สามารถทำลายได้ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทั่วไป ทำให้มันมีชีวิตอยู่ได้นานหลายวัน และสามารถติดกันได้ง่ายทางการสัมผัส เชื้ออาจปนเปื้อนอยู่ที่ของเล่นหรือสิ่งของ เมื่อเด็กสัมผัสแล้วนำเข้าปากก็สามารถติดต่อกันได้ง่าย
          ดังนั้น การป้องกันไม่ให้เด็กได้รับเชื้อไวรัสโรต้าเป็นสิ่งที่ดีกว่าการรักษาเมื่อเจ็บป่วยแล้ว ซึ่งการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคด้วยวัคซีนจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในปัจจุบัน โดยควรให้วัคซีนรับประทานเพื่อป้องกันตั้งแต่เด็กเล็ก เนื่องจากโรคอุจจาระร่วงจากไวรัสโรต้าที่พบในเด็กเล็กมักมีอาการหนักกว่าเด็กโต จึงเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสุด ดังนั้นยิ่งสามารถป้องกันได้เร็วก็ยิ่งดีกว่าเพื่อช่วยลดความสูญเสียจากโรคนี้ นอกจากนี้พ่อแม่ควรสังเกตเมื่อลูกมีอาการท้องเสีย ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที เมื่อเด็กอุจจาระร่วงอย่างรุนแรงและอาเจียนมาก เพราะอาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำและเกลือแร่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ และควรให้เด็กที่ติดเชื้อไวรัสจิบน้ำเป็นระยะตลอด แม้ระหว่างอาเจียน สามารถให้อาหารและนมได้ตามปกติ
          คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกน้อย ควรเอาใจใส่ดูแลสุขภาพของลูกเป็นพิเศษ การเสริมภูมิคุ้มกันโรคด้วยการให้ลูกได้รับวัคซีนตามกำหนดในวัยที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะนอกจากจะช่วยปกป้องคนที่เรารักให้ปลอดโรคแล้ว จากผลการวิจัยพบว่า การที่เด็กได้รับวัคซีนพื้นฐานครบถ้วนจะทำให้ความสามารถในการรับรู้ของเด็กดีขึ้น และมีผลต่อการเสริมสร้างพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก เป็นการเสริมความรักสร้างรอยยิ้มให้เด็กไทยพัฒนาเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพของสังคมไทยต่อไป ข้อมูลจาก ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์ ประธาน
          มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ


pageview  1205500    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved