HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
บ้านเมือง [ วันที่ 25/06/2555 ]
มะเร็ง...รู้...เข้าใจ...สู้มันได้

  มะเร็งเป็นภัยร้ายที่คนทั้งโลกหวาดผวา...เพราะว่า...มะเร็ง...เป็นแล้วตายหรือไม่ต้องรักษาจนหมดเนื้อหมดตัวกับบางคนอาจโชคดีที่หนีรอดเงื้อมือมัจจุราชมาได้ แต่ช่วงเวลานั้นเหมือนฝันร้ายที่หยุดมันไม่ได้ ชีวิตไร้สุขต้องทนทุกข์นับแรมปี
          ...วันนี้...ยังไม่มีใครรู้ว่า มะเร็งเป็นใคร มาจากไหน...ให้เข้าใจง่าย...มะเร็งมีสาเหตุมาจากอะไร
          มะเร็งทุกอาการ... ต่างคาดเดาไปต่างๆ นานา ตั้งแต่อาหารการกิน สิ่งปนเปื้อนในอาหาร อาจเป็นสาเหตุก่อมะเร็งในลำไส้ใหญ่ หรือตับ...ภาชนะใส่อาหารจากพลาสติกเกรดต่ำ ก็อาจก่อมะเร็งเช่นกัน ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้รู้เรื่องมะเร็งมากที่สุด บอกได้เพียงว่า "ทุกอย่างอาจจะเป็นสาเหตุก่อมะเร็ง" ไม่มีใครยืนยันได้ มะเร็งเป็นใคร มาจากไหน
          ไม่น่าเชื่อแม้วันนี้เรามีความรู้มากมาย แต่กับมะเร็งเรายังไม่มีความรู้พอจะสู้กับมันได้ เรายังรับมือกับมะเร็งไม่ได้ เพราะมะเร็งอยู่เหนือการคาดเดา บอกไม่ได้ว่าใครบ้างมีโอกาส มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งในอนาคต
          โอกาสในความเสี่ยงที่พูดถึง เพราะวันนี้เราต่างรับสารก่อมะเร็งทุกวัน อย่างที่ท่านผู้รู้ทั้งหลายคาดเดาว่า กินอะไรเข้าไปในชีวิตประจำวันต้องเจอกับอะไร เราได้รับสารเคมี การปนเปื้อนทั้งหลายแหล่ คือสารก่อมะเร็งอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น ซึ่งในความหมายที่ว่าอาจจะเป็นตัวการของมะเร็ง ในความเป็นจริงแล้วใช่เลย แต่ผู้รู้ท่านไม่ทราบว่าสิ่งปนเปื้อนที่เราต่างรับเข้าร่างกายในแต่ละวันมันก่อมะเร็งอย่างไร ในขบวนการทางเคมีหรือขบวนการอะไรก็ตามแต่ ที่วิทยาศาสตร์ยังพิสูจน์ไม่ได้
          เราต้องรู้ไหมว่าสารก่อมะเร็งมันเข้าไปทำปฏิกิริยาอย่างไรต่อร่างกาย...ก็ควรรู้...แต่ก็ยังไม่มีใครรู้...สำหรับประชาชนคนเดินดินรู้ก็ได้ หรือไม่รู้ก็ได้
          รู้แค่นี้ก็พอ...ว่าเรารับสารก่อมะเร็งทุกวัน แต่ก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ เพราะเหตุใดหรือ ก็ตราบเท่าที่ทุกคนยังมีภูมิต้านทานแข็งแรง ตราบนั้นมะเร็งจะยังไม่สามารถพรากวิญญาณออกจากร่างได้
          ร่างกายมนุษย์ทุกคนมีระบบต้านมะเร็งแข็งแกร่งเป็นทุนเดิม...เมื่อร่างกายรับสารก่อมะเร็งเข้าไป ตั้งแต่อาหารการกินที่เต็มไปด้วยปุ๋ยกับยาฆ่าแมลง อากาศที่ต้องหายใจ หรืออะไรก็ตามที่ต้องสัมผัส โดยกลไกร่างกายมีระบบกำจัดสิ่งปนเปื้อนทิ้งได้เอง เรามีภูมิคุ้มกัน ร่างกายมีระบบการผลัดเซลล์เก่าทิ้งและทดแทนด้วยเซลล์ใหม่ตลอดเวลา โดยมีเงื่อนไขว่า ร่างกายต้องได้รับสิ่งปนเปื้อนพอประมาณ หรือพอดีที่ร่างกายสามารถกำจัดได้ทัน
          เหตุแห่งความเจ็บป่วยด้วยมะเร็งมันอยู่ตรงนี้เอง ที่ร่างกายไม่สมดุล ระบบการทำงานเริ่มรวน เมื่อสิ่งปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกายมากเกินไป เช่น นักดื่มผู้ไม่เคยไยดีต่ออนาคต การดื่มแอลกอฮอล์ประจำ ตกเย็นเมา ตื่นเช้าถอน แน่นอนว่าตับต้องทำงานหนัก เพื่อกำจัดแอลกอฮอล์ทิ้ง วิธีการของมัน คือร่างกายจะต้องใช้น้ำจำนวนมหาศาลเพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอมนี้ซึ่งคือเจ้าแอลกอฮอล์ตัวร้าย คนดื่มเหล้า-เบียร์จึงต้องลุกไปฉี่บ่อย โดยไม่มีใครรู้สาเหตุแท้จริงว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น รู้แต่ว่าเมื่อดื่มทีไรเป็นต้องไปปลดทุกข์เบาตลอด โดยไม่รู้ว่าร่างกายกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยชีวิตเรา
          ตับ...เป็นด่านแรกที่ต้องจัดการสิ่งแปลกปลอมอย่างแอลกอฮอล์ที่ถูกกรอกลงไปไม่หยุด
          การที่นักดื่มเกิดอาการมืนเมา นั่นหมายถึงว่า ตับกำลังใช้ความสามารถกำจัดแอลกอฮอล์ แต่ยังไม่ทัน เพราะท่านเติมมันเข้าไปตลอด เมื่อเกิดแอลกอฮอล์ตกค้างจึงมีอาการมึนเมา และบางครั้งเมื่อลุกจากที่นั่งไปฉี่หลายคนอาจมีอาการวิงเวียนหน้ามืดคาโถฉี่ ทั้งนี้ เพราะร่างกายขับน้ำทิ้งจนร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำนั่นเอง...โรคตับแข็งคือความเสี่ยงของนักดื่ม เมื่อตับแข็งแล้วมันอาจพัฒนาไปสู่โรคมะเร็งได้ เพราะเซลล์ตับเกิดพิกลพิการไปตามกาลเวลาที่เราต่างช่วยทำร้ายมัน
          การดื่มจัดคือสาเหตุในมะเร็งตับ เมื่อเข้าใจแล้วก็หยุดดื่มสิ ความเสี่ยงก็ลดลงเอง...เช่นเดียวกับมะเร็งปอด ที่เกิดจากสูบบุหรี่ ใครไม่สูบบุหรี่ วันนี้จะมีความเสี่ยงน้อยกว่า...แต่ก็ยังมีคนส่วนหนึ่ง แม้ไม่สูบบุหรี่ แต่มีความเสี่ยงในโรคระบบทางเดินหายใจเช่นกัน วันนี้เราพบผู้ป่วยเป็นวัณโรคและมะเร็งปอดเพิ่มขึ้น คนไม่สูบบุหรี่เป็นโรคนี้กันมาก เพราะได้รับควันบุหรี่มือสอง หมายถึงควันที่พวกขี้ยาพ่นใส่ กับควันมือสาม นี่ก็ร้าย มันเป็นควันที่พวกขี้ยาไม่เกรงใจใครพ่นใส่ทุกวัน และมันไปติดกับวัตถุต่างๆ แล้วใครต่อใครไปสัมผัสเข้า
          ห้องอับชื้น มีกลิ่นบุหรี่ นี่อันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ คนไม่สูบบุหรี่เป็นมะเร็งปอดเสียชีวิติอย่างเหลือเชื่อ
          ยังมีมะเร็งกระเพาะ...มะเร็งลำไส้ และมะเร็งอื่นๆ อีกมากที่ผู้คนต้องเสียชีวิต ด้วยไม่รู้ว่าตนเองมีความเสี่ยงแค่ไหน รู้แต่ว่ามีความเสี่ยง แต่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ยิ่งในประเทศเจริญแล้ว หมายถึงความเจริญทางวัตถุ คนในประเทศนั้นๆ กลัวมะเร็งยิ่งกว่ากลัวผี
          อาหารอะไรที่ต้านมะเร็งได้ ขายดิบขายดีมีราคาแพงโดยไม่ต้องกลัวว่าจะขายไม่ได้...คนญี่ปุ่นนิยมกินหน่อไม้น้ำ หรือ asparagus เพราะมีงานวิจัยรองรับว่ามันต้านมะเร็งได้เยี่ยมยอด เกษตรกรไทยสามารถส่งหน่อไม้น้ำไปให้คนญี่ปุ่นกินในปีหนึ่งทำเงินได้มากมาย โดยที่คนไทยจะได้กินแต่หน่อไม้น้ำตกเกรด และเราก็ไม่รู้ว่าหน่อไม้น้ำที่ได้กินเป็นของเหลือที่คนญี่ปุ่นไม่เอา
          ฝรั่งจะกินแครอท เพราะรู้ว่าแครอทมีเบต้าแคโรทีนสูง คุณสมบัติของเบต้าแคโรทีน คือต้านมะเร็ง และคนไทยก็คลั่งแครอทตามฝรั่ง โดยไม่รู้ว่าตับคนไทยย่อยแครอทไม่เก่ง บางรายกินแครอทมากเข้าตัวจะเหลืองตาจะขุ่น เห็นไหมว่าไม่ต้องดื่มเหล้าก็เป็นมะเร็งตับได้ เพราะเราไม่เข้าใจ รู้อะไรอย่างไม่ถ่องแท้ จะแก้ปัญหากลับกลายเป็นสร้างปัญหาขึ้นมา คนตับใหญ่ตับแข็งแรงเท่านั้นจึงสามารถกินแครอทได้
          ผักทุกชนิดเป็นยาต้านมะเร็งวิเศษสุด...เป็นคนไทย กินผักไทย ปลอดภัยที่สุด
          อย่างใบยอ...มีแคลเซียมสูงมาก หากได้แคลเซียมจากธรรมชาติ ร่างกายจะดูดซึมได้ดี เมื่อมวลกระดูกได้แคลเซียม โอกาสความเสี่ยงในมะเร็งกระดูกย่อมต่ำ แต่ต้องกินด้วยความเข้าใจ เมื่อกินห่อหมก หรืออ่อมใบยอ ก็ต้องกินผักอื่นที่มีแมกนีเซียมกับฟอสฟอรัส เพื่อให้ช่วยในการดูดซึมของแคลเซียมมีประสิทธิภาพ หรือรับประทานข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ซึ่งมีสารอาหารอย่างที่บอกครบถ้วน รวมถึงสารอาหารตัวอื่นด้วย
          อีกขบวนการดูดซึมที่ดีของแคลเซียม ต้องไปโดนแสงแดดในช่วงเช้าตรู่ หรือเย็นๆ ในแสงแดดมีวิตามินดี มันทำหน้าที่ให้แคลเซียมดูดซึม และเหมือนว่าเราถูกบังคับให้ต้องออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกาย ควรกระทำนอกบ้าน การออกกำลังกายนี้แหละ มีผลต่อมะเร็งเช่นกัน
          ผู้ที่ออกกำลังกายอย่างถูกต้องด้วยความเข้าใจ จะเป็นผู้ปลอดมะเร็ง...มะเร็งมันกลัวกล้ามเนื้อ ร่างกายใครมีไขมันมาก นั่นแหละอาหารมะเร็งรวมถึงอาหารเชื้อโรคทั้งหลายด้วย
          เห็นไหมว่าการออกกำลังกายให้คุณอย่างไร แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่ใส่ใจการออกกำลังกายจริงจัง เมื่อมะเร็งไม่มีไขมันกิน เซลล์มะเร็งก็โตไม่ได้ เพราะการผลัดเซลล์เก่าทิ้งทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับหากเรากินผักสดผลไม้ให้มากขึ้น เซลล์มะเร็งยิ่งเกิดได้ยาก หาผักผลไม้สะอาด ไร้การปนเปื้อนยิ่งช่วยได้เยอะ ในผักสด และผลไม้มีวิตามินซีสูง วิตามินซียังมีกรดแอสคอร์บิค ช่วยสร้างคอลลาเจน ตัวคอลลาเจนทำหน้าที่ผลัดเซลล์โดยตรง แต่ทุกอย่างต้องมาจากธรรมชาติ ไม่ใช่สารอาหารจากโรงงานใส่ขวดมาหลอกขายให้เราหลงกิน
          สุดท้าย...ควรสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ ตามหลักศาสนาที่ตนเองเชื่อการสวดมนต์ หรือพิธีกรรมทางศาสนา ช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานขึ้นมาได้...ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่โชคดีที่นับถือพุทธศาสนา มีการพิสูจน์แล้วว่า แม้การสวดมนต์ช่วยเรื่องนี้ได้ แต่การนั่งสมาธิแบบของพุทธ ร่างกายสามารถสร้างภูมิต้านทานได้ดีที่สุด จนผู้ป่วยหลายรายประสบความสำเร็จในการสู้มะเร็งและพาชีวิตรอดมาแล้ว
          คุณทำได้ไหม...รู้อย่างเข้าใจ มะเร็งสู้ได้ มันไม่ได้ร้ายอย่างที่คิดหรอก กินผัก ออกกำลังกาย ไหว้พระ ทำบุญ...ยากตรงไหน 
 


pageview  1205779    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved