|
|
|
บ้านเมือง [ วันที่ 22/05/2555 ] |
|
|
|
|
เรื่อง'ข้อบ่งชี้การใช้ยาสามัญประจำบ้าน' |
|
|
|
|
นพ.สุรพงศ์ อำพันวงษ์
การใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บป่วยของแต่ละคน ย่อมมีข้อจำกัดในเรื่องของชนิดยา และขนาดของยาที่แตกต่างกัน ดังนั้นเพื่อให้การใช้ยามีประสิทธิภาพ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิงสมฤดี ฉัตรสิริเจริญกุล ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มีคำแนะนำมาบอก
การใช้ยาถ้าเป็นการเจ็บป่วยเล็กน้อย หรือยังไม่สามารถไปพบแพทย์ได้ และจำเป็นต้องใช้ยาสามัญประจำบ้านที่มีอยู่ยิ่งจำเป็นต้องทราบวิธีใช้ และข้อควรระวัง เพราะยาบางชนิดแม้จะมีประโยชน์ในการบรรเทาอาการเจ็บป่วย แต่ถ้าใช้ไม่ถูกก็จะเป็นอันตรายได้เช่นกัน
ตัวอย่างเช่น พาราเซตามอล เป็นยาลดไข้แก้ปวดที่ใช้กันมากที่สุด มีความปลอดภัย ไม่ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร แต่ก็ไม่ควรใช้ยาเกิน 8 เม็ดต่อวัน และในเด็กให้ใช้ 10-15 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม สิ่งสำคัญคือ ถ้าใช้ยาเกินขนาด เช่น มากกว่า 20 เม็ดต่อวัน จะเป็นพิษต่อตับ และทำให้ตับวาย อันตรายถึงชีวิตได้
ส่วน คลอร์เฟนิรามีน เป็นยาที่ใช้ลดน้ำมูกใสๆ และบรรเทาอาการแพ้ หรืออาการคัน ยานี้จะทำให้ง่วงนอน จึงไม่ควรใช้ถ้าต้องขับรถ หรือทำงานกับเครื่องจักรกล เพราะอาจเกิดอันตรายได้ และการใช้ยาอาจทำให้คอแห้ง ใจสั่น หรือมีเสมหะเหนียวข้น ขับออกยาก ผู้ที่ไอและมีเสมหะจึงไม่ควรรับประทานยาชนิดนี้
และ ยาที่นิยมใช้แก้ไอ ชนิดน้ำดำ ที่ถูกต้องควรรับประทานตามเวลาที่กำหนด คือวันละ 3-4 ครั้ง แต่ส่วนใหญ่มักใช้จิบเวลาไอ ซึ่งจะทำให้ได้รับทิงเจอร์ฝิ่นมากเกินไป เกิดอาการง่วง มึนงง คลื่นไส้ ท้องผูก และต้องระวังหากนำไปใช้กับผู้ที่ไอและมีเสมหะเหนียว หรือไอจากหลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ จะทำให้เสมหะเหนียวข้นมากขึ้นและไปอุดกั้นทางเดินหายใจ ทำให้หยุดหายใจได้เช่นกัน
สำหรับการรับประทานยาให้ได้ผล ถ้าเป็น ยาก่อนอาหาร ให้รับประทานในช่วงท้องว่างประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้ยาถูกดูดซึมและออกฤทธิ์ได้เต็มที่ ส่วน ยาหลังอาหาร โดยทั่วไปควรรับประทานหลังอาหาร ประมาณ 15-30 นาที ยกเว้นยาบางชนิดที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร ควรรับประทานหลังอาหารทันที สำหรับ ยาก่อนนอน ควรรับประทานก่อนเข้านอนประมาณครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง จะช่วยให้ยาออกฤทธิ์ในช่วงกลางคืน
อย่างไรก็ตามเนื่องจากยามีหลากหลายชนิดและมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังนั้นการใช้ยาควรเพิ่มความระมัดระวัง ใช้ยาให้ถูกโรค ถูกคน ถูกเวลา และถูกขนาด ตามที่แพทย์หรือเภสัชกรกำหนด และไม่ควรวิเคราะห์สาเหตุของโรคแทนผู้อื่น หรือนำยาที่ตนเองเคยใช้ไปให้ผู้อื่นรับประทาน ซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายจากการใช้ยาโดยไม่รู้ตัว
ข้อมูลจาก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล |
| | |
|
| |
|
pageview 1206123 |
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO) ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th | | |
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved
|
| |