นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวง สาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวเปิดโครงการ "Test and Treat" หรือ "ตรวจเลือดและรักษาทันที" ในชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายและสาวประเภทสอง ว่า ปัจจุบันสถานการณ์โรคเอดส์ในประเทศไทย พบว่า มีแนวโน้มของผู้ป่วยเอดส์และผู้ที่เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ลดลงกว่า ในอดีตที่ผ่านมา เนื่องจากการรักษาผู้ป่วยเอดส์ด้วยยาต้านไวรัสทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่อัตราความชุกของการติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายยังมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะใน กทม.พบความชุกร้อยละ 17.3 ในปี พ.ศ.2546 และเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 31.3 ในปี พ.ศ.2553 ซึ่ง สูงกว่าประชากรกลุ่มอื่นๆ และโดยส่วนใหญ่จะไม่รู้ตัวว่าตัวเองติดเชื้อ เพราะไม่เคยไปตรวจ ทั้งนี้ จากข้อมูลผลการเฝ้าระวังปี พ.ศ.2553 พบว่า มีเพียงร้อยละ 15 ของกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายที่เคยตรวจเลือดและทราบผลการตรวจการติดเชื้อเอชไอวี และบางคนไปตรวจแต่ไม่กลับมาฟังผลตรวจ จึงเป็นแหล่งสำคัญในการส่งต่อเชื้อ ไปให้คนอื่นๆ ทั้งผู้ชายและผู้หญิงที่ตนเองไปมีเพศสัมพันธ์ด้วย ดังนั้น การสนับสนุนให้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายได้ตรวจเอชไอวีอย่างสม่ำเสมอ หากยังคงมีพฤติกรรมเสี่ยงอยู่ ถือเป็นมาตรการหนึ่งที่จะป้องกัน การแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวีในประชากรไทยอย่างได้ผล
          นพ.พรเทพ กล่าวต่อไปอีกว่า จากผลการดำเนินงานในกลุ่มชาย ที่มีเพศสัมพันธ์กับชายและกลุ่มสาวประเภทสองที่ผ่านมา ยังไม่สามารถบรรลุถึงเป้าหมายได้อย่างน่าพอใจ เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายยังไม่ได้รับความรู้และทักษะที่ถูกต้องในการป้องกันตนเองจากเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ยังไม่สามารถเข้ารับบริการป้องกันและรักษาได้อย่างสะดวกใจและอย่างเปิดเผย เนื่องจาก อคติของสังคม จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือ ในทุกภาคส่วนสนับสนุนการเข้าถึงบริการที่เป็นมิตร เพื่อสร้างโอกาสในการสนับสนุนการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องและการดูแลรักษาหลังตรวจพบการติดเชื้อ ดังนั้น ทาง คร.จึงมีนโยบายที่จะ ส่งเสริมให้ประชาชนตรวจเลือดเพื่อหาการติดเชื้อเอชไอวี เพราะหากประชาชนได้ทราบสถานะการติดเชื้อของตนเอง ในรายที่ไม่ติดเชื้อจะได้ป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อ ส่วนในรายที่ติดเชื้อจะได้รับการดูแลรักษาและป้องกันไม่ให้ส่งต่อเชื้อไปยังคนอื่น ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดโครงการดังกล่าวขึ้น
          "โครงการนี้ตั้งเป้ารับอาสาสมัครชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายและสาวประเภทสองจาก กทม.จำนวน 600 คน จาก จ.ลำปางและ อุบลราชธานี จังหวัดละ 100 คน โดยจะรับอาสาสมัครที่เคยมีพฤติกรรม ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี เช่น มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัยอย่างน้อย 1 ครั้ง ใน 6 เดือนที่ผ่านมาหรือมีคู่นอนมากกว่า 3 คน ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา และไม่เคยตรวจเอชไอวีมาก่อนหรือ เคยตรวจแต่ไม่พบว่าติดเชื้อ หากพบเชื้อจะได้รับยาต้านไวรัสฯ ทันที เพื่อช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อและจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ให้เหลือน้อย ที่สุดจนเป็นศูนย์ อย่างไรก็ตาม โครงการนี้จะเน้นความสมัครใจและจะใช้วิธีการตรวจเลือดแบบทราบผลในวันเดียว" นพ.พรเทพ กล่าว