HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 10/09/2564 ]
สธ.ชงศบค.ลดจังหวัดแดงเข้มคงเคอร์ฟิวถึงสิ้นก.ย.

  ลุ้นผ่อนคลายมาตรการปลอดภัยตั้งเป้าฉีดวัคซีนต.ค.ขั้นต่ำ24ล.โดสรัฐบาลกางไทม์ไลน์เปิดปท.4เฟสดีเดย์ระยะ2เริ่มตุลาเพิ่มอีก5จังหวัดติดโควิดกลับมาพุ่ง16,031ตาย220
          ติดโควิดเริ่มกลับมาแรงวันเดียว 16,031 คน แซงคนรักษาหายที่มี 15,417 คน ตาย 220 ศพ "อนุทิน" มอบนโยบายฉีดแอสตราฯ เข็ม 3 ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ พร้อมทยอยบูสเตอร์ ให้ปชช.ทั่วไป 3 ล้านคน ต้นตุลาคม  ปัดไม่รู้เรื่องเลิกพ.ร.ก. ฉุกเฉิน จับตาประชุมศบค.ชุดใหญ่ 10 กันยายน ประเมินผล ผ่อนคลายมาตรการ  สธ.ชงแผนฉีดวัคซีนเดือนตุลาคมขั้นต่ำ 24 ล้านโดส พิจารณาเงื่อนไขฉีดไฟเซอร์ให้เด็ก 12-18 ปีทุกกลุ่ม -ลดพื้นที่สีแดงเข้ม คงมาตรการตามเดิม ยืนเคอร์ฟิวถึงสิ้นกันยายนเพราะตัวเลขติดเชื้อ-ตายยังทรงตัว  โฆษกรัฐบาล กางไทม์ไลน์เปิดประเทศ 4 เฟส 43 จว.ดีเดย์ระยะ 2 เริ่มเดือนตุลาคม พื้นที่ 5 จังหวัด
          เมื่อวันที่ 9 กันยายน ศูนย์ข้อมูล โควิด-19 รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวัน ที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยกลับมามีจำนวนมากกว่าผู้ที่รักษาหาย
          ติดเชื้อใหม่16,031ตาย220ศพ
          โดยไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 16,031 ราย จำแนกเป็นผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 12,436 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 2,955 ราย ผู้ป่วย ภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 631 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 9 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,309,687 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) หายป่วย กลับบ้าน 15,417 ราย  หายป่วยสะสม 1,154,355 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้ป่วยกำลังรักษา 143,038 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตมี 220 ราย เป็นชาย 108 ราย หญิง 112 ราย อายุน้อยที่สุด 19 ปี อายุมากที่สุด 102 ปี อายุ 60 ปีขึ้นไป 159 ราย คิดเป็น 72%  อายุน้อยกว่า 60 ปี มีโรคเรื้อรัง 45 ราย คิดเป็น 21% ไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 15 ราย คิดเป็น 7%  ในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นหญิงตั้งครรภ์ 1 ราย ในจ.ชลบุรี และมีเสียชีวิตที่บ้าน 2 ราย ในจ.ชลบุรี และจ.ระยอง โดยตรวจพบเชื้อหลังเสียชีวิต ขณะที่ กทม. ยังเป็นพื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด 43 ราย
          จับตาศบค.ถกคลายล็อกปลอดภัย
          ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมควบคุมโรค ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ไวรัสโควิดใกล้ชิด โดยจะคลายล็อกอย่างระมัดระวังเต็มที่ ทั้งนี้ ได้เตรียมมาตรการรองรับดูแลผู้ป่วยที่แยกกักที่บ้าน (Home Isolation) ขณะเดียวกัน จำนวนผู้ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ก็เพิ่ม มากขึ้น แต่ยังประมาทไม่ได้ ต้องสวมหน้ากาก อนามัยตลอดเวลา เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ ให้มากขึ้น ส่วนการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 (ศบค.) วันที่ 10 กันยายน เป็นการประชุมรายงานสรุปสถานการณ์ และพิจารณาเรื่องการผ่อนคลายมาตรการว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง โดยทีมแพทย์ คณะผู้เชี่ยวชาญจะเสนอศบค.
          รอหมอเคาะฉีดไฟเซอร์2ล.ให้เด็ก12
          นายอนุทินยังกล่าวถึงเรื่องวัคซีน ไฟเซอร์ที่จะเข้ามาว่า ต้องหาข้อยุติให้ได้ว่า จะฉีดให้เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปได้หรือไม่ ต้องมีเงื่อนไขหรือไม่มี แต่ด้วยเหตุผลหลักของการฉีดไฟเซอร์ เพราะเราให้ความสำคัญกับเด็ก เนื่องจากไฟเซอร์ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่าฉีดในผู้ที่อายุ 12 ปีขึ้นไปได้ ต้องให้แพทย์พิจารณาร่วมด้วย ส่วนตนมีหน้าที่สนับสนุนด้านนโยบาย การบริหารอย่างเต็มที่ แต่ก็อยากให้ฉีดให้ครบ พ่อแม่ ผู้ปกครอง นักเรียนจะได้สบายใจในการเปิดเรียน แต่หากมีเงื่อนไขก็ต้องมาพิจารณาว่าจะเปิดเรียนอย่างไร เพราะเด็กต้องเรียนในโรงเรียน เรียนออนไลน์ตลอดทั้งปีแบบนี้ไม่ได้
          เริ่มแอสตราฯเข็ม3ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
          ผู้สื่อข่าวถามถึงเงื่อนไขเปิดประเทศจะมีข้อเสนออะไรเพิ่มเติมในที่ประชุม ศบค.หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ขณะนี้ไทยฉีดวัคซีน สะสมมากกว่า 38.1 ล้านโดส ซึ่งการเปิด ประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ก็ต้องดูสถานการณ์ ว่า อัตราฉีดวัคซีนเป็นอย่างไร เช่น ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เป็นอย่างไร เห็นชัดว่า เมื่อมีการระบาดก็ไม่พบป่วยหนักหรือเสียชีวิต โดยภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เป็นเสมือนเกตเวย์ของคนต่างประเทศที่มาแยกกักตัวในประเทศไทย จึงต้องทำให้ปลอดภัยมากที่สุด ซึ่งจะพิจารณาฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา เข็มที่ 3 พวกที่จะสัมผัสกับชาวต่างประเทศมากที่สุด
          ฉีดแอสตราบูสเตอร์ให้3ล.คนต้นต.ค.
          "ไม่ได้แย่งวัคซีนอะไร เราต้องทำห้องรับแขกให้สะอาด เพื่อเรียกแขกดีๆ ให้มั่นใจ ตอนนี้วัคซีนมีมากพอแล้ว ผมมอบนโยบายในที่ประชุมผู้บริหาร สธ.ว่า ต้องหาวิธีบริหารจัดการวัคซีน เพราะวัคซีนพวกนี้อายุเกิน 6 เดือน ก็จะไม่ค่อยดี ต้องเร่งฉีดเต็มที่ ส่วนตัวเลข รายละเอียดอย่างไร ขอให้ไปสอบถามอธิบดีกรมควบคุมโรค เพราะรัฐมนตรีไม่ได้เป็นผู้ปฏิบัติ เราดูระดับนโยบาย เป็นการแยกการทำงานตามความเชี่ยวชาญ เรื่องเข็ม 3 ที่ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ให้นโยบายแล้ว และจะทยอยไปเรื่อยๆ สำหรับเข็มที่ 3 แอสตราฯ กรณีผู้ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม ก็ต้องเริ่มทยอยฉีดอีก 3 ล้านคนต้นเดือนตุลาคม เมื่อแอสตราฯมีเพียงพอแล้ว คิดว่าสิ้นปีนี้ทุกอย่างจะดีขึ้น" นายอนุทิน กล่าว และปฏิเสธว่า สธ.ยังไม่มีการพูดเรื่องยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน สธ.พร้อมเรื่องการรักษาป้องกัน ส่วนการยกเลิก สธ.ยังไม่ทราบเรื่อง
          ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์  อธิบดี กรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ส่งวัคซีนแอสตราฯ ไปที่ จ.ภูเก็ต แล้วประมาณ 2 หมื่นกว่าโดส  เพื่อควบคุมการระบาด และฉีดเป็นเข็มที่ 3 เนื่องจากจังหวัดยังไม่ได้ทำแผนการกระจายวัคซีนมาที่กรมควบคุมโรค จึงส่งไปก่อนเบื้องต้น เมื่อได้รับแผนก็จะส่งวัคซีนไปเพิ่มเติมตามกำหนด คาดว่าต้องฉีดบูสเตอร์โดสหมดทุกคน
          คร.ยันฉีดไฟเซอร์ให้เด็ก12ได้ทุกกลุ่ม
          นพ.โอภาสยังกล่าวถึงความกังวลในการฉีดไฟเซอร์ให้ผู้ที่อายุ 12 ปีขึ้นไปว่า การฉีดไฟเซอร์ ตามการขึ้นทะเบียนไฟเซอร์ที่นำมาขออนุญาตกับอย.สามารถฉีดให้ผู้อายุ 12 ปี ขึ้นไปทุกกลุ่ม สอดคล้องกับคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก และองค์การอาหารและยา (FDA) สหรัฐอเมริกา ดังนั้น เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ฉีดได้ทุกคน รวมถึงคณะอนุกรรมการสร้างเสริม ภูมิคุ้มกันโรค ที่ขึ้นกับคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ที่เป็นคณะหลักในการพิจารณาการให้วัคซีนก็ให้การรับรองแล้ว นอกจากนั้น นำเรื่องนี้ขอความเห็นชอบจาก ศปก.สธ.ซึ่งฝ่ายวิชาการเห็นชอบแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ นำเข้า ศบค.วันที่ 10 กันยายน
          2ล้านโดสแรกฉีดเด็ก16ปีขึ้นไปก่อน
          "ฉีดในเด็ก 12 ปีขึ้นไป ส่วนข้อแนะนำ ของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ก็เป็นกลุ่มนักวิชาการ ซึ่งมีข้อแนะนำที่เห็นต่างกันไป โดยเฉพาะเรื่องใหม่ๆ โดยราชวิทยาลัย กุมารแพทย์ฯ ก็ระบุว่า ฉีดในเด็ก 16 ปีขึ้นไปได้ เราก็ได้นำคำแนะนำมาพิจารณาด้วย แม้หลักการจะฉีดได้ตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป แต่ในทางปฏิบัติไฟเซอร์ที่เข้ามา 2 ล้านโดสแรก เราก็อาจนำไปฉีดในเด็ก 16 ปีขึ้นไปก่อน" นพ.โอภาส กล่าว
          แผนฉีดวัคซีนต.ค.ขั้นต่ำ24ล.โดส
          นพ.โอภาสยังกล่าวถึงกรณี กรมควบคุมโรคประเมินสถานการณ์หลังผ่อนคลายมาตรการเมื่อวันที่ 1 กันยายน อย่างต่อเนื่อง ซึ่งวันที่ 10 กันยายน ศบค.ชุดใหญ่จะประชุม โดย สธ.จะเสนอที่ประชุม ในประเด็นหลักๆ เช่น 1.แผนฉีดวัคซีนโควิด เดือนตุลาคม ที่วางแผนจะฉีดขั้นต่ำ 24 ล้านโดส  เนื่องจากแผนที่จะได้รับวัคซีนเดือนตุลาคม ประกอบด้วย ซิโนแวค 6 ล้านโดส แอสตราเซเนกา 10 ล้านโดส และไฟเซอร์ 8 ล้านโดส ทั้งนี้ บริษัท ไฟเซอร์ แจ้งว่าลอตแรกจะเข้ามาปลายเดือนกันยายนนี้ 2 ล้านโดส และเข้ากระบวนการตรวจสอบตามปกติ อย่างไรก็ตาม วันที่ 10 กันยายน เราจะเสนอแผนกระจายวัคซีนที่ประชุม ศบค. เห็นชอบ จากนั้นก็จะประสานกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในรายละเอียด
          สธ.ชงเคอร์ฟิวจว.แดงเข้มถึงสิ้นก.ย.
          2.เสนอผ่อนคลายมาตรการ ซึ่งส่วนใหญ่ ก็ยังคงเดิมไว้ ไม่ได้ผ่อนคลายอะไรมาก เช่น อนุญาตให้เนอสซิ่งโฮม รับผู้เข้าไปอยู่ใหม่ได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้มาตรการควบคุมกำกับอย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องประกาศเคอร์ฟิวจะกำหนดตามพื้นที่สี หากเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จะคงมาตรการไว้คาดว่าจะใช้ถึงสิ้นเดือนกันยายน แต่การปรับจังหวัดตามพื้นที่สี ต้องรอความเห็นชอบจาก ศบค.วันที่ 10 กันยายน อีกครั้ง เพื่อความชัดเจน
          ยันฉีดไฟเซอร์ให้เด็ก12-18ปี
          ผู้สื่อข่าวถามว่าไฟเซอร์ลอตแรกจะฉีดให้กลุ่มอื่น นอกจากเด็กอายุ 12-18 ปีหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า สำหรับกลุ่มอื่นมีวัคซีนอยู่แล้ว เช่น สูตรไขว้ซิโนแวคกับแอสตราฯ ที่เป็นสูตรหลัก ส่วนที่พูดถึงอาการไม่พึงประสงค์ที่จะเกิดขึ้นได้หลังรับวัคซีน แต่เจอไม่มาก พบเพียงไม่กี่รายต่อล้านรายที่ฉีด ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่ยอมรับได้ และส่วนใหญ่อาการน้อย ดังนั้น สธ.ยังถือหลักฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้เด็กอายุ 12-18 ปี เนื่องจากขณะนี้ มีวัคซีนเพียง 2 ยี่ห้อที่ฉีดในผู้อายุ 12 ปีลงมาได้คือ ไฟเซอร์ และโมเดอร์นา ส่วนตัวอื่นยังอยู่ในขั้นตอนการขออนุญาต การฉีดวัคซีนเป็นความสมัครใจ แต่เราให้ความระมัดระวัง เฝ้าติดตามอาการหลังฉีดใกล้ชิด ไม่ได้เป็นข้อห้ามฉีด เมื่อเทียบประโยชน์กับอาการไม่พึงประสงค์ ถือว่าประโยชน์มีมากกว่าเยอะ
          บูสเตอร์คนทั่วไปจว.ดำเนินการ
          เมื่อถามถึงการฉีดวัคซีนเข็ม 3 หรือบูสเตอร์โดสให้ประชาชนทั่วไป ว่าจะกำหนดอย่างไร เรียกมาฉีดอย่างไร นพ.โอภาสกล่าวย้ำ ถึงการฉีดบูสเตอร์ให้ประชาชนทั่วไปว่า ที่ประชุม สธ.เห็นชอบแล้ว ได้กำหนดนโยบาย และบอกแนวทางไป จากนั้นคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดจะดำเนินการ ขณะนี้เหลือขั้นตอนการปฏิบัติ จำนวนวัคซีนที่มี และความพร้อมของพื้นที่ ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่จะดำเนินการ
          นพ.โอภาสกล่าวว่า หากมีความพร้อม มีวัคซีนเพียงพอก็จะเริ่มฉีดได้ อาจมีการนำร่อง บางจังหวัดก่อน ซึ่งกำลังหารือในรายละเอียดอยู่ แต่เบื้องต้นบูสเตอร์เราจะพิจารณาการฉีดเป็นแอสตราฯ ก่อน ตามด้วยไฟเซอร์ ซึ่งจะมีลำดับการพิจารณาตามความเหมาะสมของวัคซีนที่มีอยู่ในมือขณะนั้นด้วย
          ชงศบค.ลดจว.แดงเข้ม-คงเคอร์ฟิว
          วันเดียวกัน มีรายงานข่าวจากศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศปก.ศบค.) เปิดเผยว่า การประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศปก.ศบค.) มีความเห็นร่วมกันที่จะนำเสนอเรื่องลดจำนวนจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ที่ปัจจุบันมี 29 จังหวัด เพื่อขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ศบค.ที่จะประชุมวันที่ 10 กันยายน สำหรับรายละเอียดมาตรการ ยังคงมาตรการเดิมทั้งหมด รวมถึงกำหนดเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) ยังมีอยู่ต่อไปตามระยะเวลาเดิมเช่นกัน   เพราะสถานการณ์ระบาดภาพรวมยังเป็นลักษณะเดิม และจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เริ่มมีมากขึ้นกว่าจำนวนผู้หายป่วยเพิ่ม  อีกทั้ง ก่อนหน้านี้ได้ผ่อนคลายมาตรการบางส่วนแล้ว อาทิ อนุญาตให้นั่งรับประทานในร้านอาหาร เปิดห้างสรรพสินค้า ร้านทำผม เป็นต้น  ทั้งนี้ ในการประชุมดังกล่าวจะประเมินผลหลังผ่อนคลายมาตรการเหล่านี้ด้วย ส่วนการเตรียมยกเลิกบังคับใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ที่ประชุมศปก.ศบค.ไม่ได้มาหารือ แต่จะรอให้เป็นการพิจารณาของที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งจะนำความคืบหน้าเรื่องจัดทำร่าง พ.ร.บ.โรคติดต่อ (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) มาพิจารณาประกอบ เพื่อ เตรียมความพร้อมสำหรับจะยกเลิก ศบค.ในอนาคต
          ต.ค.เดินหน้าเปิดปท.เฟส2อีก5จว.
          ส่วนนายธนกร  วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวทางขับเคลื่อนแผนเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ต่างชาติ ตามนโยบายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่า รัฐบาลเดินหน้าตามแผนเปิดพื้นที่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่วางไว้เป็นระยะ หลังนำร่องระยะที่ 1 ในรูปแบบแซนด์บ็อกซ์ ได้แก่ จ.ภูเก็ต พังงา กระบี่และจ.สุราษฎร์ธานี ไปแล้ว ซึ่งเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ได้ 2 เดือนแล้ว ถือว่าประสบความสำเร็จระดับที่ดี น่าพอใจ รายจ่ายต่อทริปของนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 6-7 หมื่นบาท รายได้สะสม 1,634 ล้านบาท ทำให้ประชาชนในพื้นที่ฟื้นตัวสร้างรายได้เป็นจำนวนมาก
          นายธนกรกล่าวต่อว่า เดือนตุลาคม เป็นเดือนที่วางแผนปรับมาตรการ ภายใต้การ ป้องกันตนเองแบบ Universal Prevention พร้อมเข้าสู่แผนเปิดพื้นที่ระยะที่ 2 อีก 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี เพชรบุรี ประจวบ คีรีขันธ์ และเชียงใหม่ ซึ่งแต่ละจังหวัดเตรียมความพร้อมเร่งฉีดวัคซีนให้คนพื้นที่ และจัดแคมเปญรองรับนักท่องเที่ยว อาทิ กรุงเทพฯ แซนด์บ็อกซ์/หัวหิน รีชาร์จ/ชาร์มมิง เชียงใหม่
          กลางต.ค.ลุยเฟส3เปิด21จว.ครบทั้งปท.
          จากนั้น กลางเดือนตุลาคม เข้าสู่แผนระยะที่ 3 จะเปิดต่ออีก 21 จังหวัดครอบคลุมทั้งประเทศ อาทิ ภาคเหนือ จ.ลำพูน แพร่ น่าน แม่ฮ่องสอน เชียงราย สุโขทัย, ภาคอีสาน จ.อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ อุบลราชธานี, ภาคตะวันตก จ.กาญจนบุรี ราชบุรี, ภาค ตะวันออก จ.ระยอง จันทบุรี ตราด, ภาคกลาง จ.พระนครศรีอยุธยา และภาคใต้ จ.นครศรีธรรมราช ระนอง ตรัง สตูล สงขลา" นายธนกร กล่าว
          และว่า รัฐบาลยังวางแผนกระตุ้นให้คนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศ ผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ระยะที่ 3 รัฐสนับสนุนค่าโรงแรม 40% ให้คูปองอาหาร 600 บาทต่อคืน และสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบิน 40% จำนวน 2 ล้านสิทธิหรือห้องพัก รวมทั้งโครงการทัวร์เที่ยวไทย รัฐสนับสนุนวงเงิน 5,000 บาท ให้ประชาชนเดินทางเที่ยวผ่านบริษัททัวร์ 1 ล้านสิทธิ โดยคาดว่าจะเปิดลงทะเบียนภายในกันยายนนี้ เพื่อให้ท่องเที่ยวได้เดือนตุลาคมซึ่งเข้าช่วงไฮซีซั่นของฤดูกาลท่องเที่ยวไทย
          เฟส4เริ่มปี'65จับคู่ท่องเที่ยว13จว.ชายแดน
          นายธนกรกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ นายกฯกำชับเรื่องมาตรการตรวจโควิด-19 และด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทุกคน ส่วนปีหน้าเป็นแผนระยะที่ 4 จะเริ่มเดือนมกราคม 2565 เปิดพื้นที่จังหวัดที่ติดชายแดนเพื่อนบ้าน อีก 13 จังหวัด จับคู่ท่องเที่ยวระหว่างกัน (Travel Bubble) ซึ่งทั้ง 4 ระยะ จะเปิด รับนักท่องเที่ยว  43 จังหวัด  นอกจากนี้ นายกฯ ย้ำทุกหน่วยงานทำงานร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมในแบบวิถีใหม่ ที่ผ่อนคลาย มาตรการ ร่วมเดินหน้าเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบสาธารณสุข ลดช่องว่าง ความเหลื่อมล้ำ ช่วยกันเดินหน้าเปิดประเทศวิถีใหม่ต่อไป


pageview  1205121    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved